Stop Loss ช่วยปกป้องเงินทุนคุณได้อย่างไร
Stop Loss ช่วยปกป้องเงินทุนของคุณได้อย่างไร
ในโลกของการเทรดที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะเป็นความสำเร็จในระยะยาว หรือการเทรดในช่วงสั้นๆเพื่อทำกำไร หนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อปกป้องการลงทุนของเทรดเดอร์หลายคนก็คือคำสั่งที่เรียกว่า "Stop Loss"
หากคุณเป็นอีกคนที่เพิ่งเริ่มต้นในวงการเทรดหรือกำลังมองหาวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของคุณ Stop Loss ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่เทรดเดอร์มือใหม่ต้องเข้าใจถึงวิธีการทำงานของมัน ในบทความนี้ เรามาดูกันว่า Stop Loss คืออะไร และทำไมมันถึงเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับเทรดเดอร์ทุกระดับ
Stop Loss คืออะไร
Stop Loss เป็นระดับราคาเทรดเดอร์กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อที่จะขายสินทรัพย์ ณ ราคานั้น ๆ เพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจมากขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์มีแนวโน้มไปในเชิงลบ เมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงถึงระดับนี้ คำสั่ง Stop Loss จะทำงาน และการเทรดจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์หลีกเลี่ยงการขาดทุนเกินกว่าที่ตั้งใจไว้ หากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามคาด คำสั่ง Stop Loss มีประโยชน์อย่างยิ่งในตลาดที่มีความผันผวนสูง ที่ซึ่งราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อหุ้นที่ราคา 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น แต่คุณต้องการจำกัดความเสี่ยงที่จะขาดทุนไว้ที่ 10% คุณสามารถตั้งค่า Stop Loss ไว้ที่ 90 ดอลลาร์สหรัฐได้ หลังจากนั้นหากราคาหุ้นลดลงมาถึงระดับนี้ คำสั่งจะทำงานและหุ้นจะถูกขายออก ซึ่งช่วยปกป้องคุณจากการขาดทุนที่อาจเพิ่มมากขึ้น
บริหารความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดด้วยเครื่องมือ Stop Loss บน IUX แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อประสบการณ์เทรดที่ราบรื่นให้คุณเทรดได้อย่างมั่นใจ สมัครวันนี้เพื่อเริ่มต้น!
Stop Loss ทำงานอย่างไร?
คำสั่ง Stop Loss คือการตั้งค่าระดับราคาที่ช่วยจำกัดการขาดทุนแบบอัตโนมัติ เมื่อราคาของสินทรัพย์ลดลงมาถึงจุดที่เรากำหนดไว้ คำสั่งนี้จะเปลี่ยนเป็นคำสั่งตลาด (Market Order) และสินทรัพย์จะถูกขายในราคาที่ดีที่สุดที่สามารถจับคู่ได้ในขณะนั้น ทำให้การตั้ง Stop Loss เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยบริหารความเสี่ยง โดยไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามตลาดตลอดเวลา เพราะระบบจะทำงานให้โดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เทรดเดอร์ควรทราบคือ แม้คำสั่ง Stop Loss จะช่วยให้เราสามารถลดการขาดทุนที่มากเกินไปได้เมื่อราคาตกลงมาถึงระดับที่ตั้งไว้ แต่ไม่ได้หมายความว่าราคาที่ขายจะตรงกับที่กำหนดเสมอ หากตลาดมีการเคลื่อนไหวรวดเร็วหรือมีสภาพคล่องต่ำ ราคาที่ขายได้จริงอาจต่างจากราคาที่ตั้งไว้ ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Slippage"
ประเภทของ Stop Loss Order
มีประเภทของคำสั่ง Stop Loss หลากหลายชนิดที่เทรดเดอร์สามารถเลือกใช้ได้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและระดับการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละคน:
- Standard Stop Loss: เป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์ใช้งานบ่อยที่สุด โดยคำสั่งนี้จะทำงานเมื่อราคาสินทรัพย์ตกลงถึงระดับที่เรากำหนดไว้ เพื่อป้องกันการขาดทุนให้อยู่ในมูลค่าที่ยอมรับได้
- Trailing Stop Loss: คำสั่ง Stop Loss แบบนี้สามารถเคลื่อนไหวไป "ตาม"ราคาสินทรัพย์ได้ โดยจะอิงจากเปอร์เซ็นต์หรือจำนวนเงินที่กำหนดไว้ หากราคาขยับในทิศทางที่คุณได้กำไร คำสั่ง trailing stop จะขยับตามไปด้วย ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถรักษากำไรไว้ได้ ในขณะที่ยังคงจำกัดความเสี่ยงไปพร้อมกันได้หากราคากลับมาในขาลง
- Guaranteed Stop Loss: คำสั่ง Stop Loss ประเภทนี้ จะรับประกันว่าการปิดสัญญาจะเกิดขึ้นในราคาที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน ไม่ว่าสภาพตลาดจะมีความผันผวนแค่ไหน แต่โดยทั่วไปแล้ว คำสั่งนี้มักมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากโบรกเกอร์
ทำไมเทรดเดอร์ถึงใช้เครื่องมือ Stop Loss?
คำสั่ง Stop Loss เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงมาก โดยเฉพาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเทรดอย่างมีวินัยและลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเทรดเดอร์ควรใช้คำสั่ง Stop Loss ในการเทรด
-
การจัดการความเสี่ยง: หน้าที่หลักของคำสั่ง Stop Loss คือช่วยจำกัดการขาดทุน ไม่ว่าคุณจะมั่นใจในการเทรดแค่ไหน ตลาดก็ยังมีความผันผวนและคาดเดาได้ยาก คำสั่ง Stop Loss ช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนให้อยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้
-
การควบคุมอารมณ์: ความกลัวและความโลภอาจทำให้เทรดเดอร์ถือสินทรัพย์หรือสัญญาที่ขาดทุนไว้นานเกินไป ด้วยความหวังว่าตลาดจะกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง ดังนั้นคำสั่ง Stop Loss ช่วยลดการใช้อารมณ์ในการตัดสินขายสินทรัพย์ในระดับที่คุณตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก
-
ความสะดวกสบาย: เมื่อคุณตั้งค่าคำสั่ง Stop Loss แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องติดตามตลาดตลอดเวลา คำสั่งนี้จะทำงานแทนคุณ ทำให้คุณมีเวลาเพิ่มขึ้นและลดความเครียดในการเฝ้าติดตามการเทรด
การใช้เครื่องมือ Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพ
การตั้งค่า Stop Loss ในระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรใส่ใจอย่างมาก นี่คือเคล็ดลับในการตั้งค่า Stop Loss อย่างมีประสิทธิภาพ:
-
ใช้ Stop Loss ตามเปอร์เซ็นต์: วิธีนี้เป็นกลยุทธ์ที่นิยมที่สุด โดยการตั้งค่า Stop Loss ตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น 5-10% ต่ำกว่าราคาซื้อ ซึ่งช่วยจำกัดการขาดทุนให้อยู่ในจุดที่เรายอมรับได้
-
ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค (Technical Indicators): ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น แนวรับ แนวต้าน ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ ในการช่วยระบุตำแหน่งที่เหมาะสมในการตั้งค่า Stop Loss วิธีนี้ช่วยให้คุณตั้งค่าได้ตรงกับสภาพตลาดและแนวโน้มปัจจุบัน
-
ปรับค่า Stop Loss เมื่อทำกำไร: เมื่อราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่คุณทำกำไรได้แล้ว ควรปรับค่า Stop Loss ขึ้นตาม เพื่อรักษากำไรที่ได้ เครื่องมือที่เรียกว่า Trailing Stop Loss เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างมากในกรณีนี้ เพราะจะช่วยให้คำสั่ง Stop Loss เคลื่อนที่ตามราคาโดยอัตโนมัติ
สรุุป
คำสั่ง Stop Loss ถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในการจัดการความเสี่ยง โดยช่วยปกป้องการลงทุน และลดความเสี่ยงจากการการตัดสินใจโดยใช้อารมณ์ ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์รายวัน หรือแม้แต่นักลงทุนระยะยาว การใช้ Stop Loss ในกลยุทธ์การเทรดของคุณสามารถช่วยปกป้องเงินทุนและเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มกำไรได้มากขึ้น
สำหรับนักเทรดที่มองหาแพลตฟอร์มที่ครบครันในด้านการจัดการความเสี่ยง IUX เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยฟีเจอร์ Stop Loss ขั้นสูงและตัวเลือกการเทรดในสินทรัพย์ 6 ประเภท ได้แก่ Forex, Cryptocurrency, Commodities, Stocks, Indices และ ETFs โดยมีค่า Spread ที่ต่ำ ทำให้การเทรดเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
วันนี้ IUX พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าสู่โลกของการเทรดได้อย่างมั่นใจ สมัครเลย