Stop-Loss vs. Stop-Limit Orders: เลือกเครื่องมือให้เหมาะกับการเทรด
Stop-Loss vs. Stop-Limit Orders: เลือกเครื่องมือให้เหมาะกับการเทรด
การเทรดในตลาดการเงินต้องอาศัยการตัดสินใจที่แม่นยำเพื่อจัดการความเสี่ยงและปกป้องผลกำไร สำหรับเทรดเดอร์ทุกคนการเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่าง Stop-Loss Orders และ Stop-Limit Orders สามารถช่วยให้คุณเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับเป้าหมายหรือสไตล์การลงทุนของคุณได้ บทความนี้จะอธิบายความแตกต่าง ข้อดี-ข้อเสีย และวิธีการเลือกใช้คำสั่งทั้งสองแบบให้เหมาะกับสถานการณ์จริง
Stop-Loss และ Stop-Limit Orders คืออะไร?
Stop-Loss Order
Stop-Loss เป็นคำสั่งที่ช่วยป้องกันการขาดทุนโดยคำสั่งนี้จะช่วยขายสินทรัพย์ในทันทีเมื่อราคาตลาดลดลงถึงระดับที่คุณกำหนดไว้ล่วงหน้า
เมื่อราคาของสินทรัพย์เคลื่อนที่ถึงราคาที่ตั้งไว้ คำสั่งจะเปลี่ยนรูปแบบเป็น Market Order ทำให้สินทรัพย์ถูกขายในราคา ณ ขณะนั้น แต่เป็นไปได้ว่าราคาขายอาจจะมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยจากราคาที่ตั้งไว้ในกรณีที่ตลาดผันผวน
Stop-Limit Order
Stop-Limit เป็นคำสั่งที่ช่วยควบคุมราคาขายได้แม่นยำมากขึ้น โดยการกำหนดทั้ง Stop Price (จุดเริ่มคำสั่ง) และ Limit Price (ราคาขั้นต่ำที่ยอมรับได้) คำสั่งจะเริ่มทำงานเมื่อราคาสินทรัพย์ในตลาดเคลื่อนที่ไปถึงจุด Stop Price และดำเนินการต่อเมื่อราคายังอยู่ในช่วงที่กำหนด หากราคาตลาดต่ำกว่าระดับ Limit Price คำสั่งจะไม่ถูกดำเนินการ
ความแตกต่างระหว่าง Stop-Loss และ Stop-Limit Orders
ตัวอย่างการใช้งาน
-
Stop-Loss Order
หากคุณซื้อหุ้นในราคา 1,000 บาท และต้องการจำกัดการขาดทุนไว้ที่ 900 บาท คุณสามารถตั้งคำสั่ง Stop-Loss ไว้ที่ 900 บาท เมื่อราคาหุ้นลดลงถึง 900 บาท คำสั่ง Stop Loss จะเปลี่ยนเป็น Market Order และถูกขายในราคาตลาด ณ ขณะนั้น ซึ่งราคาอาจคลาดเคลื่อนเป็น 899 หรือ 901 บาท ก้ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตลาด
-
Stop-Limit Order
สมมติคุณซื้อหุ้นในราคา 1,000 บาท และตั้ง Stop Price ที่ 900 บาท และ Limit Price ที่ 890 บาท หากราคาลดลงถึง 900 บาท คำสั่งจะเริ่มทำงาน แต่สินทรัพย์จะถูกขายเฉพาะในกรณีที่ราคาตลาดไม่ต่ำกว่า 890 บาท หากตลาดผันผวนจนทำให้ราคาลดลงอย่างรวดเร็วจนระบบจับคู่คำสั่งซื้อขายไม่ทัน คำสั่งจะไม่ถูกดำเนินการ
ข้อดีและข้อเสียของ Stop-Loss และ Stop-Limit Orders
Stop-Loss Orders
ข้อดี
- ใช้งานง่ายและเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่
- ช่วยป้องกันการขาดทุนรุนแรงในตลาดที่ผันผวน
- คำสั่งขายจะเกิดขึ้นแน่นอนเมื่อราคาถึงจุดที่ตั้งไว้
ข้อเสีย
- อาจขายในราคาที่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้เนื่องจากความผันผวน
- อาจถูกไล่ระดับราคา (Stop Hunting) ในตลาดที่ผู้เล่นใหญ่ใช้วิธีดันราคาลงก่อนดึงกลับ
Stop-Limit Orders
ข้อดี
- ควบคุมราคาขายได้แม่นยำกว่า
- ช่วยหลีกเลี่ยงการขายในราคาที่ต่ำเกินไป
- มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในกรณีที่ราคายังไม่เหมาะสม
ข้อเสีย
- คำสั่งอาจไม่ถูกดำเนินการหากราคาตลาดต่ำกว่าระดับ Limit Price
- ซับซ้อนกว่าสำหรับนักลงทุนมือใหม่
- เสี่ยงต่อการไม่ได้ขายในตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว
เคล็ดลับการเลือกใช้งานคำสั่ง Stop-Loss และ Stop-Limit ให้เหมาะสม
การเลือกใช้คำสั่ง Stop-Loss หรือ Stop-Limit ไม่ได้มีสูตรสำเร็จเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตลาดและเป้าหมายการลงทุนของคุณ ด้านล่างนี้คือแนวทางที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์:
1. ตลาดผันผวนสูง
ตลาดที่มีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว เช่น ตลาดในช่วงที่มีข่าวสำคัญ การเปิด-ปิดตลาด หรือหุ้นที่มีความผันผวนสูง (High Volatility Stocks) อาจสร้างความท้าทายในการเทรดได้
-
ใช้ Stop-Loss Orders
หากคุณต้องการ ความแน่นอน ในการขายเพื่อจำกัดการขาดทุน Stop-Loss Orders จะช่วยให้คุณขายหุ้นได้ทันทีเมื่อราคาลงถึงจุดที่ตั้งไว้ แม้ว่าราคาขายจริงอาจต่ำกว่าที่ตั้งไว้เล็กน้อย แต่เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการลดความเสี่ยงอย่างรวดเร็ว -
ใช้ Stop-Limit Orders
หากคุณสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการขายไม่ได้ เพื่อแลกกับ การควบคุมราคา Stop-Limit Orders จะช่วยให้คุณตั้งกรอบราคาขายที่ยอมรับได้ อย่างไรก็ตาม คุณควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่คำสั่งอาจไม่ถูกดำเนินการ หากราคาตลาดหลุดต่ำกว่าระดับ Limit Price
ตัวอย่าง:
หุ้นที่คุณถือมีราคาผันผวนระหว่าง 100–120 บาท หากคุณไม่ต้องการขายต่ำกว่า 90 บาท อาจตั้ง Stop-Limit โดยกำหนด Stop Price ที่ 95 บาท และ Limit Price ที่ 90 บาท เพื่อป้องกันการขายในราคาที่ต่ำเกินไป
2. นักลงทุนมือใหม่
สำหรับนักลงทุนที่เพิ่งเริ่มต้นและยังไม่มีประสบการณ์มากนัก การจัดการความเสี่ยงอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
- Stop-Loss Orders คือคำสั่งที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด
เนื่องจากสามารถตั้งค่าได้ง่ายและช่วยจำกัดการขาดทุนโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งกรอบราคาซับซ้อน Stop-Loss เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่นักลงทุนมือใหม่ควรเรียนรู้และใช้เพื่อปกป้องเงินลงทุน
ตัวอย่าง:
คุณซื้อหุ้นในราคา 50 บาท และต้องการจำกัดการขาดทุนไว้ที่ 10% คุณสามารถตั้ง Stop-Loss Order ไว้ที่ 45 บาท ระบบจะช่วยขายหุ้นทันทีเมื่อราคาตลาดลดลงถึงระดับนี้
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- เริ่มต้นด้วยการตั้ง Stop-Loss ใกล้กับราคาที่คุณซื้อ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงแรก
- ศึกษาและติดตามราคาหุ้นอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับคำสั่งตามความเคลื่อนไหวของตลาด
คำถามที่พบบ่อย
1. Stop-Loss เหมาะกับทุกสถานการณ์หรือไม่?
ไม่เสมอไป ในตลาดที่ผันผวน คำสั่งอาจขายได้ในราคาที่ต่ำกว่าจุดที่ตั้งไว้
2. Stop-Limit ใช้งานยากไหม?
Stop-Limit อาจซับซ้อนสำหรับนักลงทุนมือใหม่ เนื่องจากต้องตั้งราคาสองระดับ (Stop และ Limit) แต่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการขาย
สรุป
Stop-Loss และ Stop-Limit Orders เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยนักลงทุนจัดการความเสี่ยงและปกป้องผลกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุน ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และลักษณะของตลาดที่คุณลงทุน เมื่อคุณเข้าใจการใช้งานและปรับใช้ให้เหมาะสม คุณจะสามารถตอบสนองต่อความผันผวนของตลาดได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด