รวม 10 ความผิดพลาดที่นักเทรดคริปโตเคอร์เรนซี กว่าจะรู้ก็สายไปแล้ว
รวม 10 ความผิดพลาดที่นักเทรดคริปโตเคอร์เรนซี กว่าจะรู้ก็สายไปแล้ว
ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้คุณสูญเสียเงินก้อนใหญ่ นี้คือเรื่องปกติของตลาดคริปโต แน่นอนว่าเราไม่อยากให้คุณต้องเจอเรื่องแบบนี้ วันนี้เราจึงรวบรวม 10 บทเรียนดีๆ ซึ่งหากคุณไม่อยากจะทำผิดพลาดในการเทรดคริปโต ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อน ใครจะรู้ว่าบทความนี้การเตือนสติดีๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ หรือมืออาชีพ ก็สามารถอ่านได้ เพื่อไม่ให้เราต้องเจอกับบทเรียนราคาแพง ที่อาจะทำให้คุณต้องออกจากตลาด
1. การเทรดโดยใช้อารมณ์
การเทรดโดยใช้อารมณ์เป็นหนึ่งในความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดในหมู่นักเทรดคริปโต เพราะการผันผวนที่รุนแรงของราคา จึงทำให้ผู้เทรดปล่อยให้ความรู้สึก ให้มีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวหรือความโลภ ซึ่งนำไปสู่การเทรดที่ขาดเหตุผล เช่น การขายทิ้งเมื่อราคาตก หรือการซื้อเพิ่มเมื่อราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้พิจารณาการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างรอบคอบ
การตัดสินใจภายใต้อิทธิพลของอารมณ์เช่นนี้ มักนำไปสู่ผลลัพธ์ที่การขาดทุน (โดยส่วนใหญ่) การเป็นนักเทรดที่ดี ควรที่จะฝึกฝนการควบคุมอารมณ์ และยึดมั่นในแผนการเทรดที่วางไว้ล่วงหน้า แยกแยะระหว่างความรู้สึกส่วนตัวกับการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นกลาง
2. ขาดความรู้เกี่ยวกับ Token นั้นๆดีพอก่อนเทรด
ในหมู่นักเทรดคริปโตมือใหม่ หลายคนเข้าสู่ตลาดด้วยความตื่นเต้นและความหวังที่จะทำกำไรอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน การขาดความรู้เกี่ยวกับ Token เข้าเทรดโดยกระแสตลาดในช่วงที่ขาขึ้น หรือช่วงเทรนขาลงแบบชัดเจน ก็เข้าไปเทรด แทนที่จะทำความเข้าใจเทคโนโลยีเบื้องหลัง Token นั้นๆ อย่างรอบคอบ
กรณีของเหรียญ Luna เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อมีผู้โจมตีเทขายเหรียญ UST มูลค่า 285 ล้านดอลลาร์ ทำให้เกิด Panic Sell และราคา UST หลุด Peg จาก 1 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคา LUNA ร่วงลงกว่า 99% ภายในเวลาไม่กี่วัน จาก 65 ดอลลาร์เหลือเพียงเศษสตางค์
แม้ราคาจะตกอย่างรุนแรง แต่นักลงทุนบางรายกลับเข้าไป Long ด้วยความหวังว่าราคาจะฟื้นตัว ทำให้สูญเสียเงินมหาศาล มีหลายคนสูญเสียเงินมหาศาลจากการที่ราคาตกอย่างรุนแรงไม่พอ ยังไปเสียเงินเพื่อหวังที่จะลุ้นให้ราคามันกลับมาอยู่ในระดับเดิม
3. ไม่มีการจัดการความเสี่ยง
การไม่กำหนดจุด Stop Loss หรือไม่มีแผนรองรับความผันผวนของตลาด ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่อาจส่งผลร้ายแรง เพราะตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง ราคาสามารถพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง การไม่มีจุด Stop Loss ทำให้นักเทรดเสี่ยงต่อการขาดทุนมหาศาลหากราคาร่วงลงอย่างรุนแรง
4. FOMO (Fear of Missing Out)
หนึ่งในความผิดพลาดร้ายแรงที่นักเทรดคริปโตคือ การถูกครอบงำด้วยความกลัวพลาดโอกาส (FOMO) ผู้ที่เทรดรีบร้อนเข้าสู่ตลาดโดยไม่ได้วิเคราะห์ พูดกันติดปากว่า “เดี๋ยวตกขบวน” เห็นแต่ผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น แต่มองข้ามความเสี่ยงที่แฝงอยู่ ซึ่งสุดท้าย (และบ่อยครั้งด้วย) นำไปสู่การสูญเสียเงินทุน เพราะในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี มีผันผวนสูงอย่างมาก การขึ้นอย่างรุนแรงใน 5 นาที อาจจะตกอย่างรุนแรงใน 1 นาทีได้ ดังนั้นก่อนเทรดควรจะวิเคราะห์ให้ดี กำหนดจุด Stop Loss จุด Take Profit
5. ไม่มีการกระจายความเสี่ยง
ในข้อนี้เป็นข้อผิดพลาดโดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่ชอบเทรดเหรียญขนาดเล็ก และทุ่มเทเงินทั้งหมดลงในสกุลเงินดิจิทัลเพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นการเสี่ยงสูงมากๆ อย่าลืมว่าเหรียญคริปโตมีความเสี่ยงเฉพาะตัวไม่เหมือนกับสินทรัพย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเทคนิค การถูกแฮ็ก หรือข้อบกพร่องของโปรโตคอล ซึ่งอาจทำให้มูลค่าของเหรียญนั้นๆ ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเป็นไปได้
สำหรับผู้ที่ชอบเทรดเหรียญขนาดเล็ก ไม่ควรทุ่มเงินทั้งหมดไปไว้ที่นั้น หากต้องการที่จะถือแบบระยะกลาง ระยะยาว อยากจะแนะนำให้การกระจายการลงทุนไปในหลายๆ เหรียญหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นจะช่วยลดความเสี่ยง และติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดเมื่อถือ Token นั้นๆแล้ว
6. ขาดความอดทน
หลายคนเข้ามาด้วยความหวังว่าจะรวยทันใจ แต่กลับต้องผิดหวังเมื่อเห็นราคาผันผวนขึ้นลงอย่างรุนแรง ความคาดหวังผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้นทำให้นักลงทุนมือใหม่ตัดสินใจซื้อขายแบบหุนหันพลันแล่น บางคนทนไม่ไหวเมื่อเห็นราคาดิ่งลงอย่างรวดเร็ว จึงรีบขายทิ้งขาดทุน ทั้งที่หากอดทนถือต่อไปอาจได้กำไรในภายหลัง ทั้งๆที่เราวิเคราะห์ไว้อย่างดีแล้วว่าราคาควรจะขึ้น-ลง ถึงเท่านั้น เท่านี้ แม้จะวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วว่าราคาควรจะขึ้นลงในกรอบไหน แต่เมื่อเจอสถานการณ์จริงกลับทำใจไม่ได้ นักเทรดควรฝึกควบคุมอารมณ์ ไม่ตื่นตระหนกไปกับความผันผวนชั่วคราว
7. ใช้เงินเทรดเกินตัว
การใช้เงินเทรดเกิดตัวมีหลายรูปแบบไม่ว่าเป็นการนำเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เงินค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร หรือค่ารักษาพยาบาล มาลงเทรด หรือใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีมาเทรดเพื่อหวังทวีคูณเงินทุนนั้น การทำแบบนี้ เป็นการเพิ่มความกดดันในการเทรด เมื่อใช้เงินที่จำเป็นมาเทรด จะทำให้เกิดความกังวลและกดดันมากเกินไป ส่งผลให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย เกิดอารมณ์ในการเทรดมากเกินไป เช่น ความโลภหรือความกลัว ซึ่งส่งผลเสียต่อการตัดสินใจ อีกทั้งเมื่อขาดทุนก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดปัญหาทางการเงินตามมา แนวทางที่ถูกต้องคือ ควรแยกเงินสำหรับการเทรดออกจากเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน โดยใช้เฉพาะเงินส่วนเกินที่ไม่จำเป็นต้องใช้ในระยะสั้นมาเทรดเท่านั้น
8. ไม่ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ
ตลาดคริปโตมักมีความผันผวนสูงในช่วงที่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการว่างงาน ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลอาจพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่นาทีหลังการประกาศ ซึ่งสร้างโอกาสและความเสี่ยงให้นักเทรด
ในด้านโอกาสเราสามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น มีโอกาสเข้าซื้อหรือขายในจังหวะที่ราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ในด้านความเสี่ยงอาจเกิดการขาดทุนอย่างรวดเร็วหากถือเหรียญเอาไว้อยู่ โดยที่ไม่สนใจข่าวใดๆ ไม่ได้ตั้ง Stop Loss ไม่ได้ปรับกลยุทธ์ นักเทรดควรระมัดระวังและมีกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม และไม่ควรใช้เงินลงทุนมากเกินไปในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
9. เชื่อ Indicator มากจนเกินไป
การเชื่อ Indicators มากเกินไปเป็นกับดักที่นักเทรดไม่ว่าจะมือใหม่ มืออาชีพมักจะหลงลืม และมองว่า Indicators เป็นเหมือนลูกแก้ววิเศษที่จะบอกทุกอย่างได้ แต่ความจริงแล้ว Indicators เป็นแค่เครื่องมือช่วยวิเคราะห์เท่านั้น ไม่ใช่ตัวตัดสินใจที่แม่นยำ 100% ที่ใช้ได้ในทุกสถานการณ์
ดังนั้นการเทรดที่ดีเราไม่ควรที่จะละเลยปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อตลาด ไม่ว่าจะปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อตลาด อีกทั้งแนะนำให้เราศึกษาทำความเข้าใจจุดแข็ง-จุดอ่อนของแต่ละ Indicators เพื่อที่จะใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
10. ไม่เข้าใจพื้นฐานของราคาขึ้นลงในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
การเข้าใจพื้นฐานของการเคลื่อนไหวของราคาในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเป็นพื้นฐานสำหรับนักเทรด เราต้องเข้าว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลมักผันผวนอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยหลักการแล้วคือ อุปสงค์และอุปทาน - หากความต้องการสูงกว่าปริมาณที่มี ราคาก็จะพุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ อารมณ์ของตลาดทั้งความกลัวและความโลภสามารถส่งผลต่อราคาอย่างมาก ปัจจัยภายนอกอย่างการเปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับคริปโตฯ ก็สามารถทำให้ราคาพลิกผันได้อย่างฉับพลันได้เช่นกัน การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้ดียิ่งขึ้น
ท้ายบทความ
ก่อนที่จะเทรด เราอยากแนะนำให้ทุกคนมีทัศนคติที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการเทรดก่อน หากเรามีกำไรจากการเทรดก็ให้นำเอาวิธีการดังกล่าวไปพัฒนา แต่หากผิดพลาด ก็เอาข้อผิดพลาดไปปรับปรุง ต้องประเมินตัวเองอยู่เสมอ ไม่มั่นใจ หรือขาดความมั่นใจเกินไป ยอมรับความเสี่ยงและความผันผวนของตลาด มองว่ามันคือธรรมชาติของการเทรดคริปโตเคอร์เรนซี อย่าคาดหวังผลกำไรที่เกินจริงในระยะสั้น
การทำกำไรหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในหนึ่งวันนั้นเป็นไปได้ยาก จงอดทนและมีวินัยในการเทรด ใช้เงินที่พร้อมจะเสียไปได้เท่านั้น ยอมรับว่าความกลัวและความโลภเป็นอารมณ์ธรรมชาติ แต่อย่าปล่อยให้มันครอบงำการตัดสินใจของคุณ จงเรียนรู้จากประสบการณ์ ปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง และอย่าลืมใช้ชีวิตให้สมดุล การเทรดเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมด