10 นักลงทุนที่ใช้ Leverage ทำกำไรได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์

10 นักลงทุนที่ใช้ Leverage ทำกำไรได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์

ผู้เริ่มต้น
Oct 31, 2024
เรื่องราวความสำเร็จของนักลงทุน 10 คนที่ใช้เลเวอเรจในการเพิ่มผลกำไรอย่างมหาศาล บทความนี้จะเจาะลึกกลยุทธ์ ความสำเร็จ และการจัดการความเสี่ยงของพวกเขา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจถึงพลังและความเสี่ยงของการใช้ Leverage ในการลงทุน

10 นักลงทุนที่ใช้ Leverage ทำกำไรได้สูงที่สุดในประวัติศาสตร์

 

การใช้ Leverage หรือ "การยืมเงินเพื่อเพิ่มขนาดมูลค่าการลงทุน" เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลังที่นักลงทุนระดับโลกหลายคนใช้เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มหาศาล แม้ว่าการใช้ Leverage จะมีความเสี่ยงสูง แต่หากใช้อย่างมีกลยุทธ์และมีการวิเคราะห์ที่แม่นยำ ก็สามารถสร้างผลกำไรอย่างมหาศาลได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 นักลงทุนที่ใช้เลเวอเรจในการลงทุนและทำกำไรได้อย่างมหาศาล

 

1. จอร์จ โซรอส (George Soros)

George Soros, a Hungarian Jew, survived the Holocaust, fled communism and became one of the single largest funders of democracy promotion, anti-Communism and liberal education around the globe.Credit...Fabrice Coffrini/Agence France-Presse — Getty Images

 

จอร์จ โซรอส เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ใช้ Leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในประวัติศาสตร์ โด่งดังจากเหตุการณ์ Black Wednesday ในปี 1992 เมื่อเขาเก็งกำไรค่าเงินปอนด์อังกฤษขาลง โซรอสใช้ Leverage ในปริมาณมหาศาลเพื่อ "Short" ค่าเงินปอนด์ โดยเขาได้ทำการยืมเงินปอนด์กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อขายให้กับอังกฤษ  และสุดท้ายเขาได้รับผลตอบแทนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว จากการเดิมพันครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า "ชายผู้ทำลายธนาคารกลางอังกฤษ" อ่านเรื่องราวของ Black Wednesday เพิ่มเติม คลิก

 

2. จอห์น พอลสัน (John Paulson)

John Paulson.

David Grogan | CNBC

 

จอห์น พอลสัน เป็นที่รู้จักจากการเก็งกำไรในช่วงวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ (Subprime Mortgage Crisis) ปี 2007 เขาใช้ Leverage ในการซื้อสัญญาอนุพันธ์ที่เรียกว่า Credit Default Swaps (CDS) เพื่อเดิมพันว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ จะล่มสลาย การใช้ Leverage ทำให้เขาสามารถลงทุนด้วยเงินทุนก้อนเล็กแต่ได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาล ในที่สุดเขาทำกำไรมากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ในปีนั้นเพียงปีเดียว และกลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดจากวิกฤตครั้งนั้น

 

 

3. พอล ทิวเดอร์ โจนส์ (Paul Tudor Jones)

Paul Tudor Jones has an uncanny knack for finding winning investments.

Kevin Mazur/Getty Images for Robin Hood

 

พอล ทิวเดอร์ โจนส์ เป็นนักลงทุนที่โด่งดังจากการคาดการณ์วิกฤต Black Monday ในปี 1987 โดยเขาใช้  Leverage ในการเก็งกำไรในตลาด Futures พอลคาดการณ์ได้ว่าตลาดหุ้นจะล่มสลาย เขาใช้เลเวอเรจในการ "ชอร์ต" สินทรัพย์หลายตัวในตลาด และเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 1987 หรือวันที่ตลาดหุ้นร่วงลงถึง 22% ในวันเดียว โจนส์ทำกำไรได้กว่า 100% จากพอร์ตการลงทุนของเขาภายในปีนั้น การใช้ Leverage ทำให้เขากลายเป็นตำนานในวงการการเงินอีกหนึ่งคน

 

4. จิม แชนอส (Jim Chanos)

Jim Chanos: ‘The story is that although the cloud is growing, the cloud is [the data centres’] enemy, not their business © Misha Friedman/Bloomberg

 

จิม แชนอส เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ Leverage ในการเก็งกำไรในตลาดหุ้น โดยเฉพาะในกรณีของบริษัท Enron ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีการล้มละลายที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แชนอสใช้ Leverage ในการ "ชอร์ต" หุ้นของ Enron โดยคาดการณ์ได้ว่าบริษัทจะล้มละลายจากการโกงบัญชีและการทุจริตภายในบริษัท เมื่อ Enron ล้มละลายในปี 2001 แชนอสทำกำไรได้อย่างมหาศาลจากการใช้เลเวอเรจในการลงทุนครั้งนี้

 

5. สแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์ (Stanley Druckenmiller)

Duquesne Capital Management founder Stanley Druckenmiller participates in a panel discussion at the New York Times 2015 DealBook Conference. Druckenmiller told the Grant’s Annual Fall Conference in New York that he is shorting U.S. Treasurys.Photo: Getty Images

 

สแตนลีย์ ดรัคเคนมิลเลอร์ เป็นนักลงทุนที่ทำงานร่วมกับจอร์จ โซรอสในช่วงวิกฤต Black Wednesday ในปี 1992 และมีบทบาทสำคัญในการใช้ Leverage เพื่อเก็งกำไรในค่าเงินปอนด์ ดรัคเคนมิลเลอร์ช่วยให้โซรอสสามารถวางแผนการใช้ Leverage อย่างเหมาะสมในการเก็งกำไรครั้งนั้น หลังจากเหตุการณ์นี้ ดรัคเคนมิลเลอร์ยังคงใช้ Leverage ในการลงทุนในตลาดทุนทั่วโลก และสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องตลอดหลายทศวรรษ

 

6. คาร์ล ไอคาห์น (Carl Icahn)

Carl Icahn's firm has been under investigation since at least last spring.

Heidi Gutman—CNBC via Getty Images

 

คาร์ล ไอคาห์น เป็นที่รู้จักในฐานะนักลงทุนเชิงรุก (Activist Investor) ที่มักใช้เลเวอเรจในการเข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัทต่างๆ เพื่อให้ตนเองมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจภายในองค์กร หนึ่งในกรณีที่เด่นชัดคือการเข้าซื้อกิจการของ TWA (Trans World Airlines) ในปี 1985 ไอคาห์นยืมเงินจำนวนมากเพื่อซื้อหุ้นสายการบินนี้ แม้ว่าภายหลัง TWA จะล้มละลาย แต่ไอคาห์นก็สามารถทำกำไรส่วนตัวได้หลายร้อยล้านดอลลาร์ผ่านการขายสินทรัพย์ที่มีค่าของบริษัท การใช้เลเวอเรจทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ร่ำรวยที่สุดใน Wall Street

 

 

7. เรย์ ดาลิโอ (Ray Dalio)

Ray Dalio, founder of Bridgewater Associates. Eugene Gologursky/Getty Images for Fast Company

 

เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Bridgewater Associates มีชื่อเสียงจากการใช้ Leverage อย่างรอบคอบและมีกลยุทธ์ ดาลิโอใช้เลเวอเรจในกองทุน "Pure Alpha" เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอแม้ในสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย การใช้ Leverage ลงทุนแบบรอบคอบนี้ทำให้ Bridgewater มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์และช่วยให้ดาลิโอเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มั่งคั่งที่สุดในโลก

 

8. บิล แอคแมน (Bill Ackman)

Credit: Tracy Tolf

 

บิล แอคแมน ผู้ก่อตั้ง Pershing Square Capital Management ใช้ Leverage ในการลงทุนมูลค่าขนาดใหญ่หลายครั้ง โดยตัวอย่างที่โดดเด่นคือการลงทุนใน Allergan ในปี 2014 ซึ่งแอคแมนร่วมมือกับ Valeant Pharmaceuticals ในการเสนอซื้อหุ้น Allergan ด้วยการใช้ Leverage แม้ว่าการเข้าซื้อครั้งนี้จะไม่สำเร็จ แต่หุ้นของ Allergan ก็พุ่งสูงขึ้นเมื่อ Actavis ได้เข้าซื้อบริษัทแทน และนั่นทำให้แอคแมนทำกำไรได้มากจากราคาหุ้น การใช้ Leverage ในลักษณะเชิงรุกแบบนี้ทำให้เขาทำกำไรอย่างมาก แม้ในบางครั้งจะขาดทุนบ้างก็ตาม

 

9. เดวิด เทปเปอร์ (David Tepper)

David Tepper, founder and president of Appaloosa Management.

Cameron Costa | CNBC

 

เดวิด เทปเปอร์ ผู้ก่อตั้ง Appaloosa Management เป็นที่รู้จักจากการลงทุนที่อาศัยโอกาสในช่วงวิกฤตตลาด โดยในช่วงวิกฤตการเงินปี 2009 เทปเปอร์ใช้  Leverage ในการซื้อหุ้นธนาคารที่มีราคาต่ำและหนี้เสีย เช่น Bank of America และ Citigroup ด้วยการใช้ Leverage ทำให้เขาได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นจากการลงทุนในแบบที่มีความเสี่ยงสูง และเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว เทปเปอร์ก็ทำกำไรได้หลายพันล้านดอลลาร์ ความสามารถในการรับความเสี่ยงด้วยคำนวณ ร่วมไปกับการใช้ Leverage ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้จัดการกองทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุด

 

10. วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)

Berkshire Hathaway CEO Warren Buffett.

Daniel Zuchnik—WireImage

 

จะไม่มีชื่อผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย แม้ว่าวอร์เรน บัฟเฟตต์ จะเป็นที่รู้จักจากแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่าและการลงทุนในระยะยาว แต่เขาเองก็เคยใช้ Leverage เช่นกัน หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขาใช้คือการลงทุนผ่านบริษัทประกันภัยที่เขาถือครอง เช่น GEICO ซึ่งบัฟเฟตต์นำเงินประกัน (หรือที่เรียกว่า "float") ซึ่งเป็นเงินที่ยังไม่ต้องจ่ายคืนมาใช้ในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนสูง การใช้เงินทุนในรูปแบบนี้ถือเป็นการใช้ Leverage ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนสูง และเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้บัฟเฟตต์สร้างอาณาจักรการเงินที่ยิ่งใหญ่ผ่าน Berkshire Hathaway ได้

 

 


 

สรุป

นักลงทุนเหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่าพวกเขาสามารถใช้ Leverage เป็นเครื่องมือในการเทรดที่ทรงพลังและสร้างผลตอบแทนที่มหาศาลได้ หากใช้อย่างมีกลยุทธ์และมีการวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ ไปจนถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง Leverage มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้นักลงทุนเหล่านี้สร้างความมั่งคั่งมหาศาล อย่างไรก็ตาม การลงทุนด้วย Leverage ยังต้องการการบริหารความเสี่ยงที่ดีเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาด

นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จรู้ว่า Leverage คือกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนมหาศาล และที่ IUX เราช่วยให้คุณเข้าถึงโอกาส ด้วยแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อการเทรดอย่างชาญฉลาดและใช้งานง่าย คุณสามารถวิเคราะห์ตลาดได้อย่างรอบคอบ ไปจนถึงจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นการลงทุนของคุณกับ IUX วันนี้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการลงทุนและค้นพบโอกาสใหม่ในโลกการเทรดรอคุณอยู่!