คู่มือการเทรดฉบับเริ่มต้น Leverage คืออะไร?

คู่มือการเทรดฉบับเริ่มต้น Leverage คืออะไร?

ผู้เริ่มต้น
Nov 13, 2024
Leverage ในการเทรดคืออะไร ทำงานอย่างไร รวมถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการเทรด ค้นพบเคล็ดลับสำคัญในการใช้ Leverage อย่างระมัดระวังเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรสูงสุด

คู่มือการเทรดฉบับเริ่มต้น Leverage คืออะไร? 

Leverage หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการเทรด ช่วยให้ผู้เทรดมีศักยภาพในการเปิดสัญญาการซื้อขายที่มีมูลค่ามากกว่าเงินทุนที่ตนเองมีอยู่ และนอกจาก Leverage จะสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนได้เช่นกัน การทำความเข้าใจการทำงานของ Leverage จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ทุกคน บทความนี้จะช่วยอธิบายว่า Leverage คืออะไร ทำงานอย่างไร และทำอย่างไรถึงจะใช้ Leverage อย่างปลอดภัย 

 

Leverage คืออะไร?

 

Leverage เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการซื้อขายในตลาด โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินทุนของคุณเอง หากจะพูดกันแบบง่าย Leverage ช่วยให้คุณ “ยืม” เงินจากโบรกเกอร์เพื่อเปิดสัญญาการซื้อขายในมูลค่ามากกว่าที่เงินทุนเริ่มต้นจะสามารถซื้อได้ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถทำกำไรได้มากขึ้น แต่ในทางกลับกัน มันอาจเพิ่มอัตราการขาดทุนที่มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการใช้ Leverage จึงต้องทำอย่างระมัดระวัง

 

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐในบัญชีเทรดของคุณ และโบรกเกอร์ของคุณเสนออัตรา Leverage อยู่ที่ 1:10 คุณจะสามารถเปิดสัญญาซื้อขายที่มีมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ และหากราคาของสัญญามีการเปลี่ยนแปลงไปเพียง 1% ตัวเลขนั้นจะส่งผลต่อกำไรหรือการขาดทุนของคุณเหมือนกับว่าคุณกำลังเทรดด้วยเงินจำนวน 10,000 ดอลลาร์ แทนที่จะเป็น 1,000 ดอลลาร์

 

Leverage ทำงานอย่างไร?

 

ในการเทรดสินทรัพย์ หรือ การเปิดสัญญาซื้อขาย การทำงานของ Leverage คือการใช้เงินที่ยืมจากโบรกเกอร์เพื่อเพิ่มมูลค่าของการเทรด อัตราส่วนของ Leverage จะแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเพิ่มอำนาจการซื้อได้มากขึ้นแค่ไหนเมื่อเทียบกับเงินทุนของคุณ โดยอัตราส่วนที่ใช้กันทั่วไปมีตั้งแต่ 1:5, 1:10, 1:50 ไปจนถึง 1:100 ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และตลาดที่คุณเทรด

 

ตัวอย่างการใช้ Leverage ในการเทรด

 

สมมุติว่าคุณต้องการเทรดคู่สกุลเงิน EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ) ในตลาดฟอเร็กซ์ โดยคุณมีเงิน 1,000 ดอลลาร์ในบัญชี และโบรกเกอร์ให้ Leverage อยู่ที่ 1:50 ด้วยอัตราส่วนนี้ คุณจะสามารถเปิดสัญญาซื้อขายที่มีมูลค่า 50,000 ดอลลาร์ได้ ยกตัวอย่างได้ดังนี้:

 

  • แบบไม่มี Leverage: หากคุณลงทุน 1,000 ดอลลาร์โดยไม่มี Leverage และราคาคู่สกุลเงิน EUR/USD เพิ่มขึ้น 1% คุณจะได้กำไร 10 ดอลลาร์ (1% ของ 1,000)

 

  • ด้วย Leverage 1:50: หากใช้ Leverage 1:50 หากคู่สกุลเงิน EUR/USD เพิ่มขึ้น 1% คุณจะทำกำไรได้ 500 ดอลลาร์ (1% ของ 50,000)

 

เห็นได้ชัดเลยว่า Leverage เป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มกำไรในการเทรดของคุณ แต่ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความเสี่ยงที่จะขาดทุนได้เช่นกัน เพราะหากตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามเพียง 1% คุณจะขาดทุน 500 ดอลลาร์ แทนที่จะเป็น 10 ดอลลาร์




ทำไมเทรดเดอร์เทรดถึงใช้ Leverage?

 

Leverage ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์เนื่องจากช่วยให้พวกเขาสามารถเปิดสัญญาซื้อขายที่มีมูลค่าสูงขึ้นโดยไม่ต้องใช้เงินทุนมาก โดยเหตุผลหลัก ๆ ในการใช้ Leverage มีดังนี้:

 

  • เพิ่มความสามารถในการรับความเสี่ยง: Leverage ช่วยให้ผู้เทรดสามารถเปิดสัญญาซื้อขายที่มีมูลค่าสูงขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มเงินทุน เมื่อความเสี่ยงเพิ่ม ก็ช่วยให้โอกาสในการทำกำไรเพิ่มได้

 

  • มีความยืดหยุ่นในการเทรด: Leverage ช่วยให้ผู้เทรดสามารถกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นจำนวนมาก

 

  • ศักยภาพในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น: ด้วย Leverage ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยก็สามารถส่งผลต่อกำไรที่มากขึ้น เหมาะสำหรับกลยุทธ์การเทรดระยะสั้น

 

การใช้ Leverage ในตลาดต่าง ๆ

 

Leverage สามารถใช้ได้ในการเทรดในหลายตลาด รวมไปถึงฟอเร็กซ์ หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล ในแต่ละตลาดก็จะมีอัตรา Leverage และข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป ดังนี้:

  • ฟอเร็กซ์: ฟอเร็กซ์เป็นตลาดที่มี Leverage สูงสุด โบรกเกอร์บางรายเสนอ Leverage สูงถึง 1:100 หรือแม้กระทั่ง 1:500 

 

  • ตลาดหุ้น: Leverage ในการเทรดหุ้นมักต่ำกว่าในตลาดอื่น โดยปกติอยู่ที่ 1:2 หรือ 1:3 สำหรับผู้เทรดรายย่อย แต่บางบัญชีที่มีการใช้ Margin (เงินประกัน) เทรดเดอร์ก็สามารถรับ Leverage ที่มีอัตราสูงกว่าเดิมได้

 

  • สินค้าโภคภัณฑ์: สินค้าเช่นน้ำมัน ทองคำ และสินค้าเกษตรมักมีอัตรา Leverage ประมาณ 1:10 หรือ 1:20 ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และตัวสินค้าที่เฉพาะเจาะจง

 

  • สกุลเงินดิจิทัล: Leverage ในตลาดสกุลเงินดิจิทัลมีตั้งแต่ 1:2 ไปจนถึงสูงสุดถึง 1:100 ขึ้นอยู่กับอัตราการแลกเปลี่ยนและความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

 

ความเสี่ยงจากการใช้ Leverage

 

Leverage สามารถเพิ่มกำไรได้มากก็จริง แต่มันก็สามารถทำเทรดเดอร์ขาดทุนสูงได้เช่นกัน การเข้าใจความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการใช้ Leverage ในการเทรด

 

  • การขาดทุนที่มากขึ้น: การที่ Leverage สามารถเพิ่มกำไรให้คุณได้ มันก็สามารถเพิ่มอัตราการขาดทุนให้คุณได้ด้วย ซึ่งอาจทำให้ทุนในบัญชีเทรดของคุณหมดไปอย่างรวดเร็วได้

 

  • Margin Call: หากการเทรดของคุณขาดทุน ผู้เทรดอาจได้รับ Margin Call หากไม่สามารถเติมเงินเพิ่มเข้าบัญชีได้ อาจทำให้โบรกเกอร์ปิดการซื้อขายของคุณ

 

  • ความผันผวนสูง: ในตลาดที่มีความผันผวนสูง สัญญาการซื้อขายที่มี Leverage  ทำให้การเคลื่อนไหวเล็กน้อยของราคา อาจนำไปสู่กำไรหรือขาดทุนจำนวนมากได้

 

วิธีการใช้ Leverage อย่างปลอดภัย

 

หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เพิ่งเริ่มต้น ควรใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง โดยมีแนวทางดังนี้:

 

  • เลือกอัตรา Leverage ที่ต่ำ เริ่มต้นด้วยอัตรา Leverage ที่ไม่มากเกินไป เช่น 1:5 หรือ 1:10 เพื่อลดความเสี่ยงและให้คุณได้ทดลองการเทรดในตลาดด้วยเงินทุนที่จำกัด

 

  • ตั้งคำสั่ง Stop-Loss คำสั่ง Stop-Loss ช่วยปิดสัญญาการเทรดเมื่อคุณขาดทุนถึงระดับที่กำหนด ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งหากคุณใช้ Leverage เพราะการเคลื่อนไหวของตลาดเพียงเล็กน้อยมีผลอย่างมากต่อเงินทุนของคุณ

 

  • กำหนดสัดส่วนของเงินทุน การกำหนดสัดส่วนการลงทุน และประเมินความเสี่ยงช่วยให้คุณกำหนดจำนวนเงินที่จะเทรดตามจำนวนเงินทุนของคุณเองได้ นี่จะช่วยลดการขาดทุนการเทรดแต่ละครั้งต่อพอร์ตของคุณ

 

  • หลีกเลี่ยงการใช้ Leverage สูงเกินไป Leverage ที่สูงเกินไปเพิ่มความเสี่ยงจากการขาดทุน ควรใช้ Leverage ในระดับที่เหมาะสมกับประสบการณ์และทุนของคุณ

 

  • ฝึกฝนด้วยบัญชี Demo ก่อนที่จะใช้ Leverage ในบัญชีจริง ลองฝึกในบัญชีทดลอง ซึ่งจะช่วยให้คุณได้ทำความคุ้นเคยกับ Leverage และกลยุทธ์การเทรดโดยไม่มีความเสี่ยง

 

การจัดการความเสี่ยงด้วย Leverage

 

การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญเมื่อใช้ Leverage เพื่อป้องกันการขาดทุน ควรกำหนดกฎในการจัดการความเสี่ยงของคุณเอง ยกตัวอย่างเช่น

 

  • กำหนดขีดจำกัดการขาดทุนรายวัน: กำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่คุณจะสามารถขาดทุนได้ในแต่ละวัน และยึดมั่นในข้อกำหนดนี้

 

  • กระจายการลงทุน: กระจายเงินทุนของคุณไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อลดผลกระทบจากการขาดทุนของการเทรดในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง

 

  • ใช้คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit: คำสั่งเหล่านี้สามารถปกป้องบัญชีของคุณโดยการปิดการเทรดโดยอัตโนมัติเมื่อถึงระดับกำไรหรือขาดทุนที่กำหนด

 

สรุป

 

Leverage เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนที่มากขึ้น โดยช่วยให้ผู้เทรดสามารถเปิดสัญญาการซื้อขายขนาดใหญ่ได้ด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียงเล็กน้อย ความสามารถในการเพิ่มอำนาจการซื้อขายนี้ทำให้การเคลื่อนไหวของราคาเล็กน้อยสามารถนำไปสู่กำไรที่มากขึ้นได้

 

อย่างไรก็ตาม Leverage ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม เนื่องจากความเสี่ยงในการขาดทุนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ ความสูญเสียอาจทวีคูณตามขนาดของ Leverage ที่ใช้

 

ดังนั้น การเข้าใจการทำงานของ Leverage และใช้งานอย่างระมัดระวังจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเทรดอย่างยั่งยืน ผู้เทรดที่ใช้การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การตั้งคำสั่ง Stop-Loss การใช้อัตรา Leverage ที่ต่ำ และการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ จะสามารถใช้ Leverage ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

 

การจัดการ Leverage อย่างรอบคอบและใส่ใจในความเสี่ยง ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน Leverage ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะที่ยังสามารถปกป้องเงินทุนและลดโอกาสในการขาดทุนได้อีกด้วย