การใช้ Leverage ควบคู่กับการกระจายพอร์ตลงทุนอย่างสมดุล
การใช้ Leverage ควบคู่กับการกระจายพอร์ตลงทุนอย่างสมดุล
เลเวอเรจ (Leverage) เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการลงทุนสมัยใหม่ ที่ช่วยให้คุณเพิ่มมูลค่าพอร์ตของการลงทุนโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นจำนวนมาก แม้ว่า Leverage จะช่วยให้การลงทุนเติบโตได้เร็วขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้น การใช้ Leverage ควบคู่กับการกระจายพอร์ตการลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างความสมดุล
การกระจายพอร์ต หรือ Diversification คือการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง การกระจายพอร์ต ร่วมกับการใช้ Leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถสร้างแนวทางการลงทุนที่มีความแข็งแกร่งและลดความเสี่ยงให้กับนักเทรดได้
บทความนี้จะนำเสนอวิธีการจัดการ Leverage และการกระจายพอร์ตลงทุน เพื่อช่วยให้คุณนำกลยุทธ์ทั้งสองนี้มาใช้ได้ได้ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
1. ทำไมนักเทรดต้องใช้ Leverage ควบคู่กับการกระจายพอร์ต?
การกระจายพอร์ตการลงทุนเป็นหลักการพื้นฐานของการลงทุนที่ช่วยลดความเสี่ยง หากคุณกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ที่อยูในอุตสาหกรรมที่ต่างกัน หรือแม้แต่บริษัทที่นำเดินธุรกิจในภูมิภาคที่ต่างกัน จะช่วยลดผลกระทบจากการลงทุนในบางสินทรัพย์ที่ไม่ได้สามารถสร้างกำไรได้ และเมื่อยิ่งเพิ่ม Leverage เข้าไปด้วยแล้ว การลงทุนผิดพลาด 1 หรือ 2 ครั้ง จะไม่ทำให้เทรดเดอร์ต้องสูญเสียเงินทุนทั้งหมดไป
การใช้ Leverage อย่างมีสติ สามารถช่วยให้คุณเปิดสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ในจำนวนที่สูงได้โดยไม่ต้องใช้ทุนมาก และการใช้ Leverage ในการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆประเภท ยังมีข้อดีหลายอย่าง เช่น:
-
ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของตลาด: การกระจาย Leverage ไปยังสินทรัพย์หลายตัวช่วยป้องกันไม่ให้การหดตัวลงของตลาดสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งมีผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนทั้งหมดของคุณ
-
เพิ่มโอกาสในการเติบโต: Leverage ช่วยให้คุณเพิ่มผลตอบแทนในหลายๆ ตลาด ซึ่งสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้นหากมีการจัดการพอร์ตที่ดี
-
สร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน: การกระจาย Leverage ช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น เนื่อจากการกระจายการลงทุน จะปกป้องเงินทุน รวมไปถึงกำไรของคุณจากการเทรดผิดพลาดไม่กี่ครั้ง
2. กลยุทธ์สำหรับการกระจายพอร์ตที่มี Leverage
เมื่อคุณกำลังสร้างพอร์ตการลงทุนโดยการใช้ Leverage การกระจายพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสมคือกุญแจสำคัญในการจัดการความเสี่ยงที่อาจะเพิ่มขึ้น เราขอแนะเคล็ดลับที่อาจสามารถช่วยคุณได้:
-
ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท: พิจารณาการกระจายการลงทุนของคุณไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโต หุ้นอาจให้ผลตอบแทนที่ดี ขณะที่ในช่วงวิกฤติ โภคภัณฑ์เช่นทองคำอาจทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงได้
-
กระจายการลงทุนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ: แม้ในกลุ่มสินทรัพย์เดียวกัน เช่น หุ้น วิธีการกระจายการลงทุนไปในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันก็ช่วยได้ เช่น หุ้นเทคโนโลยีอาจมีผลงานดีในช่วงเปลี่ยนผ่านของปี ขณะที่หุ้นกลุ่มสุขภาพมักจะคงตัวในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ การใช้ Leverage ช่วยในการลงทุนในอุตสาหกรรมหลายประเภท ช่วยป้องกันไม่ให้พอร์ตของคุณได้รับผลกระทบจากการที่อุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมีปัญหา
-
กระจายการลงทุนในหลายภูมิภาค: การลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ช่วยลดผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง เช่น ถ้าคุณลงทุนในหุ้นอเมริกา อาจพิจารณาแบ่งการลงทุนไปยังตลาดนอกอเมริกาด้วย วิธีนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาเศรษฐกิจเฉพาะภูมิภาค
-
พิจารณาลงทุนในพันธบัตร: พันธบัตรมักจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นและสามารถสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตใช้โดย Leverage ได้ การจัดสรร Leverage บางส่วนเพื่อลงทุนในพันธบัตรช่วยให้คุณมีรายได้ที่มั่นคงและลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้
3. การจัดการความเสี่ยงในการลงทุนที่ใช้ Leverage
ถึงแม้ว่าการกระจายพอร์ตในแบบต่างๆช่วยลดความเสี่ยงได้ก็จริง แต่การใช้ Leverage ยังคงส่งผลทั้งในด้านกำไรและขาดทุน และนี่คือวิธีการจัดการความเสี่ยงในการลงทุนที่ใช้ Leverage เป็นเครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพ:
-
จำกัดอัตราส่วน Leverage: เริ่มด้วยอัตราส่วน Leverage ต่ำ เช่น 2:1 หรือ 3:1 แทนที่จะใช้ Leverage สูงในทุกการลงทุน อัตราส่วนที่ต่ำลงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างกะทันหัน
-
ใช้คำสั่ง Stop-Loss: คำสั่ง Stop-Loss จะช่วยปิดการเทรดอัตโนมัติเมื่อราคาลงถึงระดับที่กำหนด ป้องกันไม่ให้พอร์ตขาดทุนหนัก การตั้งค่า Stop-Loss บนสัญญาที่ใช้ Leverage จะช่วยให้คุณจัดการการขาดทุนได้ดีและลดผลกระทบต่อพอร์ต
-
ติดตามแนวโน้มและปัจจัยทางเศรษฐกิจ: การอัปเดตข้อมูลตลาดช่วยให้คุณสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ตามความเหมาะสม เช่น หากเศรษฐกิจแสดงถึงสัญญาณขาลง คุณอาจพิจารณาปรับลด Leverage ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าแทน
-
ปรับสมดุลพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ: ราคาสินทรัพย์และสถานะตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นการปรับสมดุลพอร์ตเป็นสิ่งสำคัญ การปรับสมดุลจะช่วยให้คุณยังคงมีกำไร และสามารถกระจายทุนไปยังสินทรัพย์อื่นๆเพื่อทำกำไรเพิ่มได้
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อใช้ Leverage ในการกระจายพอร์ต
-
เริ่มต้นการเทรดด้วยเงินก้อนเล็ก: หากคุณเป็นมือใหม่ในการใช้ Leverage หรือการกระจายพอร์ต ให้เริ่มต้นด้วยขนาดพอร์ตที่เล็กเพื่อเรียนรู้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุนมากเกินไป
-
ระวังค่าธรรมเนียม: การใช้ Leverage มักจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ดอกเบี้ยจากเงินกู้ ควรคำนวณค่าธรรมเนียมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนของคุณ
-
รักษาวินัยในการเทรด: แม้ว่าการใช้ Leverage จะน่าสนใจมาก โดยเฉพาะในช่วงขาขึ้นของตลาด แต่การรักษาวินัยและทำตามแผนการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตเป็นสิ่งสำคัญ
เทรดด้วยความมั่นใจบน IUX แพลตฟอร์มที่ครอบคลุมทั้งการเทรดหุ้น สกุลเงิน คริปโต และสินค้าโภคภัณฑ์ กระจายการลงทุนของคุณไปได้หลายสินทรัพย์ หลายตลาดในที่เดียว ยกระดับการเทรดของคุณด้วยระบบเปิดการซื้อขายที่รวดเร็ว พร้อมเครื่องมือช่วยวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงที่มีให้เลือกหลากหลาย ดาวน์โหลดและร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา สมัครและเริ่มเลยวันนี้!
สรุป
การใช้ Leverage ควบคู่กับการกระจายพอร์ตเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนให้เทรดเดอร์ การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ ต่างประเภท ต่างอุตสาหกรรม และต่างภูมิภาค จะช่วยให้คุณลดผลกระทบจากการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามคาด การเริ่มต้นเทรดด้วยอัตราส่วน Leverage ที่ต่ำ การใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง และการกระจายพอร์ตอย่างเหมาะสมไปยังสินทรัพย์ที่หลากหลายจะทำให้คุณลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น