
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ใช้ Leverage ในการลงทุนหรือไม่?
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ใช้ Leverage ในการลงทุนหรือไม่?
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รู้จักกันดีในด้านการลงทุนที่ใช้วินัยสูงและเน้นผลตอบแทนระยะยาว นักลงทุนทั่วไปจะมองว่าการลงทุนแบบวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าเขาก็ใช้ Leverage หรือการกู้ยืมเงินในการลงทุนด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม
การใช้ Leverage ของบัฟเฟตต์มีความระมัดระวังและมีกลยุทธ์แตกต่างจากนักลงทุนทั่วไปที่ใช้เพื่อเก็งกำไรอยู่บ้าง บทความนี้จะอธิบายว่าบัฟเฟตต์ใช้ Leverage อย่างไรเพื่อสร้างความมั่งคั่งของเขา
1. การใช้เงินประกันจากธุรกิจประกันภัย
หนึ่งในเครื่องมือหลักที่บัฟเฟตต์ใช้ Leverage คือ float จากธุรกิจประกันภัยของ Berkshire Hathaway เช่น GEICO และ National Indemnity “Float” หมายถึงเงินที่บริษัทประกันภัยได้รับจากการเก็บเบี้ยประกัน แต่ยังไม่ต้องจ่ายออกไปในรูปแบบของการเคลมประกัน เงินนี้ถูกควบคุมโดยบริษัทและสามารถนำไปลงทุนได้ในช่วงเวลาที่รอการจ่าย
บัฟเฟตต์ใช้ float ในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก float เปรียบเสมือนเงินกู้ที่ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นรูปแบบของ Leverage ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยบัฟเฟตต์นำเงิน float นี้ไปลงทุนในหุ้น พันธบัตร และสินทรัพย์อื่นๆ ทำให้เขาสามารถใช้เงินของคนอื่นในการสร้างผลตอบแทนให้กับ Berkshire Hathaway ได้ ตามรายงานกล่าวว่าในปี 2022 Berkshire Hathaway มี float ประมาณ 147 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งบัฟเฟตต์สามารถนำไปลงทุนโดยไม่ต้องแตะเงินทุนของบริษัทเลย
2. ใช้ Leverage ในธุรกิจที่ต้นทุนสูง
Berkshire Hathaway เป็นเจ้าของธุรกิจหลายแห่งที่ใช้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูง เช่น BNSF Railway และ Berkshire Hathaway Energy ซึ่งต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในการขยายและบำรุงรักษา แต่แทนที่จะใช้เงินทุนของบริษัททั้งหมด บัฟเฟตต์เลือกใช้ หนี้ระยะยาว เพื่อเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจเหล่านี้ แต่เขามีการจัดการที่ระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยการเป็นหนี้ในระดับที่ธุรกิจสามารถชำระคืนได้แม้ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว
การยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อขยายธุรกิจเหล่านี้ทำให้บัฟเฟตต์สามารถใช้ Leverage ในการเพิ่มผลตอบแทนในขณะที่ยังคงควบคุมความเสี่ยงได้
3. ใช้ Leverage ในการเข้าซื้อกิจการ
เมื่อบัฟเฟตต์ต้องการซื้อกิจการขนาดใหญ่ เช่น การซื้อ Precision Castparts มูลค่า 37 พันล้านดอลลาร์ในปี 2015 เขามักจะใช้ทุนแบ่งเป็นสัดส่วนระหว่างเงินสดและหนี้ แม้ว่า Berkshire Hathaway จะสามารถซื้อกิจการด้วยเงินสดทั้งหมดได้ก็ตาม แต่บัฟเฟตต์เลือกใช้ หนี้ ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เขาสามารถเก็บเงินสดไว้สำหรับการลงทุนอื่นๆได้ ในขณะที่ยังได้ประโยชน์จากผลตอบแทนของกิจการที่เข้าซื้อ
การใช้ Leverage ในการซื้อกิจการเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ที่บัฟเฟตต์มั่นใจว่ากำไรจากกิจการที่ซื้อมานั้นจะมากพอที่จะชำระหนี้ได้ในอนาคต
4. การใช้ชื่อเสียงและความสัมพันธ์
บัฟเฟตต์ยังใช้ ชื่อเสียง และ ความสัมพันธ์ ของเขาเพื่อให้ตนเองได้รับเงื่อนไขการลงทุนที่พิเศษกว่า ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 บัฟเฟตต์ลงทุนใน Goldman Sachs และ General Electric ด้วยการทำข้อตกลงหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงพร้อมสิทธิในการซื้อหุ้นในราคาพิเศษ
ชื่อเสียงของบัฟเฟตต์ทำให้เขาได้รับเงื่อนไขที่นักลงทุนคนอื่นอาจไม่ได้รับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาใช้ Leverage จากความน่าเชื่อถือและเครือข่ายของเขาเพื่อเพิ่มผลตอบแทน
5. ความระมัดระวังในการใช้ Leverage
แม้ว่าบัฟเฟตต์จะใช้ Leverage ในการลงทุน แต่เขาก็ระมัดระวังอย่างยิ่งในการไม่ก่อหนี้เกินความจำเป็น บัฟเฟต์มักจะเตือนถึงอันตรายของการใช้ Leverage มากเกินไปอยู่เสมอ โดยเขามองว่าการก่อหนี้มากเกินไป เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเก่งๆ หลายคนล้มเหลวในการลงทุน
บัฟเฟตต์เลือกที่จะใช้ Leverage เฉพาะในกรณีที่เขามั่นใจว่าการลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่สูงพอที่จะชำระหนี้ได้อย่างสบาย การมีความระมัดระวังนี้ช่วยให้ Berkshire Hathaway มีเสถียรภาพทางการเงินแม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
Leverage อาจเป็นเครื่องมือทรงพลัง แต่บัฟเฟตต์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้อย่างรอบคอบคือกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาว การเลือกใช้ Leverage ในเวลาที่เหมาะสมและการจัดการหนี้ที่ดีคือสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตการลงทุน IUX พร้อมช่วยให้คุณเทรดด้วยความรวดเร็วในทุกเหตุการณ์ ด้วยแพลตฟอร์มที่มาพร้อมเครื่องมือการจัดการ Leverage อย่างมีประสิทธิภาพ และเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด เริ่มเทรดกับ IUX วันนี้ และเข้าสู่โลกการเทรดที่ราบรื่นกว่าเจ้าอื่น
สรุป
การใช้ Leverage ของวอร์เรน บัฟเฟตต์เป็นตัวอย่างของการจัดการทางการเงินที่ระมัดระวังและมีกลยุทธ์ แทนที่จะก่อนหนี้ในมูลค่าสูงโดยไม่บริหารความเสี่ยง บัฟเฟตต์ใช้เงินทุนที่ไม่มีดอกเบี้ย เช่น float จากธุรกิจประกันภัย และกู้ยืมเงินในระดับที่ควบคุมได้เพื่อขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน