การเปรียบเทียบ Leverage ในตลาดการเงินต่าง ๆ

การเปรียบเทียบ Leverage ในตลาดการเงินต่าง ๆ

ผู้เริ่มต้น
Oct 31, 2024
คู่มือสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ในการทำความเข้าใจการใช้ Leverage ในตลาด Forex หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล เรียนรู้วิธีใช้เลเวอเรจอย่างมีความรับผิดชอบในแต่ละตลาด

การเปรียบเทียบ Leverage ในตลาดการเงินต่าง ๆ

 

Leverage เป็นตัวช่วยในตลาดการเงินที่ทำให้นักเทรดสามารถเปิดสัญญาซื้อขายที่มากกว่าเงินทุนตั้งต้น ฟังดูแล้ว  Leverage เป็นเครื่องมือที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่นักเทรดต้องใช้ด้วยความรอบคอบ เพราะ Leverage ไม่ได้เพิ่มแค่โอกาสในการทำกำไร แต่ยังอาจทำให้ขาดทุนได้เช่นกัน ที่สำคัญคืออัตราส่วน Leverage ของแต่ละตลาดนั้นไม่เหมือนกัน ซึ่งแต่ละตลาดก็มีข้อดีและข้อควรระวังของตัวเอง

 

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ Leverage ในตลาดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Forex, คริปโต และสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อช่วยให้คุณเลือกตลาดที่เหมาะกับการเทรดของคุณได้ง่ายขึ้น

 

Leverage ในตลาด Forex: สูงที่สุดในตลาด

 

ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง และมี Leverage ให้เลือกใช้กันแบบหลากหลาย โบรกเกอร์ Forex มักจะเสนอ Leverage ตั้งแต่ 50:1 จนถึง 500:1 เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินและนโยบายของโบรกเกอร์ ตัวอย่างเช่น หากมี Leverage 100:1 เท่ากับว่าคุณสามารถเปิดสัญญาซื้อขายมูลค่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ ด้วยเงินทุนแค่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 10% เท่านั้น

 

ทำไม Leverage ใน Forex ถึงสูงขนาดนี้?


Forex มีการเคลื่อนไหวของราคาเป็นเศษส่วนเล็ก ๆ (หรือเรียกว่า pip) ทำให้การใช้ Leverage สูง  ในการเทรด Forex เป็นเรื่องปกติที่ช่วยให้คุณทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ นั้นได้ ลองคิดดูว่าถ้าคุณใช้ Leverage 100:1 การเคลื่อนไหวของราคาแค่ 1% ก็สามารถทำให้คุณได้กำไร 100% ของเงินทุนเริ่มต้นได้เลย แต่ถ้าตลาดเคลื่อนไหวไปในทางตรงกันข้าม ขาดทุนก็อาจจะเยอะเหมือนกัน ดังนั้น ต้องระวังการใช้ให้ดี

 

ข้อดีและข้อเสีย

  • ข้อดี: Leverage สูงช่วยเทรดเดอร์สร้างกำไรจากการขยับของราคาเพียงเล็กน้อยได้ และใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยเช่นกัน

  • ข้อเสีย: ความเสี่ยงของการขาดทุนก็สูงตามไปด้วย จึงต้องมีการเฝ้าระวังการเทรดที่รอบคอบเพื่อไม่ให้ขาดทุนมากเกินไป

 

 

Leverage ในตลาดหุ้น : ลงทุนแบบระมัดระวัง

Leverage ในตลาดหุ้นจะต่ำกว่าตลาด Forex เนื่องจากหุ้นในแต่ละตัวมีความผันผวนที่สูงกว่าสินทรัพย์อื่น โบรกเกอร์หุ้นมักเสนออัตราส่วน Leverage ที่ 2:1 ถึง 4:1 สำหรับนักลงทุนทั่วไป นักเทรดมืออาชีพอาจได้รับข้อเสนอ Leverage ที่มีอัตราสูงกว่านี้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและข้อตกลงกับโบรกเกอร์ ยกตัวอย่างเช่น หากใช้ Leverage 4:1 นักเทรดที่มีเงินทุน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐจะสามารถเปิดสัญญาซื้อขายหุ้นได้สูงถึง 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ

 

แล้วทำไม Leverage ในหุ้นถึงต่ำกว่า?


อัตราส่วน Leverage ที่ต่ำในตลาดหุ้นถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องนักลงทุนจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หุ้นแต่ละตัวมีความผันผวนสูงเนื่องจากแนวโน้มของของตลาด ข่าวด้านเศรษฐกิจ และผลประกอบการของบริษัท ความเสี่ยงเหล่านี้ทำให้การใช้อัตราส่วน Leverage ที่ต่ำกว่าตลาดอื่น สร้างความปลอดภัยสำหรับทั้งโบรกเกอร์และนักเทรด ช่วยป้องกันการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนทำให้สูญเงินทั้งหมดในบัญชีได้

 

ข้อดีและข้อเสีย

  • ข้อดี: Leverage ที่ต่ำช่วยลดความเสี่ยงของการขาดทุนจำนวนมากเนื่องจากความผันผวนหุ้นแต่ละตัว

  • ข้อเสีย: เนื่องจากอัตราส่วน Leverage ต่ำ โอกาสในการทำกำไรจากการลงทุนเล็ก ๆ อาจมีไม่มาก ซึ่งนักเทรดอาจต้องใช้เงินทุนมากขึ้นหากต้องการเห็นผลกำไรที่มากขึ้น

 

Leverage ในตลาดคริปโต: เล่นกับความผันผวน

 

ตลาดคริปโต (Cryptocurrency) เป็นที่รู้กันว่ามีความผันผวนสูงมาก ทำให้นักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจในใช้ Leverage ในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา โบรกเกอร์คริปโตมักให้ Leverage ตั้งแต่ 2:1 ไปจนถึง 100:1 บางแพลตฟอร์มอาจจะสูงกว่านี้ ขึ้นอยู่กับกฎของแต่ละที่ ตัวอย่างเช่น Leverage 20:1 หมายความว่าด้วยเงิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐคุณสามารถเปิดสัญญาซื้อขายที่มีมูลค่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐใน Bitcoin หรือ Ethereum ได้เลย

 

ทำไมตลาดคริปโตถึงมี Leverage สูง?


ตลาดคริปโตมีการเคลื่อนไหวของราคาเร็วมาก การเคลื่อนไหววันละ 5-10% ถือเป็นเรื่องปกติของตลาดนี้ ซึ่ง Leverage สูง ๆ นี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเก็งกำไรในระยะสั้น แต่อย่าลืมว่าความเสี่ยงก็มากตามมาด้วย เพราะราคาที่ผันผวนสูงอาจทำให้ขาดทุนได้ง่ายหากตลาดไม่เป็นใจ

 

ข้อดีและข้อเสีย

  • ข้อดี: Leverage สูงช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรจากความผันผวนได้ แม้จะมีเงินทุนเริ่มต้นน้อย

  • ข้อเสีย: เมื่อราคาผันผวนหนัก ๆ ผสมกับการใช้ Leverage อาจทำให้เงินทุนหมดของนักเทรดในพริบตาหากไม่มีแผนจัดการที่ดี

 

Leverage ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์: สายกลางของการเทรด

 

สินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน ทองคำ และสินค้าเกษตรเป็นที่นิยมในตลาดนี้ โดย Leverage ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มักจะอยู่ในระดับกลาง ๆ เช่น 10:1 ถึง 20:1 ตัวอย่างเช่น หากใช้ Leverage 10:1 คุณจะสามารถเปิดสัญญาซื้อขายมูลค่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐในสินค้าโภคภัณฑ์เช่น ทองคำ หรือ น้ำมันดิบ โดยใช้เงินเพียง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น 

 

ทำไมสินค้าโภคภัณฑ์ถึงใช้ Leverage ระดับกลาง?
สินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวนที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น สภาพอากาศ ความขัดแย้งทางการเมือง และอุปสงค์และอุปทานในตลาด ซึ่งอาจทำให้ราคาผันผวนได้มาก การใช้ Leverage ในระดับกลางช่วยให้เกิดสมดุลระหว่างโอกาสในการทำกำไรและการจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น

 

ข้อดีและข้อเสีย

  • ข้อดี: Leverage ระดับกลางเหมาะสำหรับสินค้าที่มีความผันผวน ให้คุณเปิดสัญญาซื้อขายได้โดยไม่เสี่ยงเกินไป

  • ข้อเสีย: ถึงจะเป็น Leverage ระดับกลาง แต่หากไม่ตรวจสอบให้ดี การผันผวนของราคาในตลาดนี้ก็อาจทำให้เกิดการขาดทุนได้เช่นกัน

 

เลือกตลาดและ Leverage ที่เหมาะสมกับคุณ

 

การเลือกตลาดและอัตรา Leverage ที่ใช่และเหมาะสมกับคุณ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่คุณต้องการ เช่น ความเสี่ยงที่คุณรับได้ ประสบการณ์ในการเทรด และต้นทุนที่คุณมี สำหรับมือใหม่ เราแนะนำให้เริ่มต้นด้วย Leverage ที่มีอัตราไม่สูงมาก และควรเทรดในตลาดที่ผันผวนต่ำ เช่น หุ้น เพื่อฝึกฝนการเทรดไปก่อน

 

  • ถ้าอยากใช้ Leverage สูง: ตลาด Forex อาจจะตอบโจทย์กับคุณ เพราะมีอัตรา Leverage สูงและเริ่มต้นไม่ยาก แต่อย่าลืมจัดการความเสี่ยงและเริ่มต้นด้วย Leverage อัตราที่ต่ำก่อน 

  • ถ้าอยากได้กำไรแต่ไม่อยากเสี่ยงมาก: ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มี Leverage ระดับกลาง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากเล่นกับความผันผวน แต่ไม่อยากเสี่ยงมากเกินไป

  • ถ้าเน้นความมั่นคงระยะยาว: ตลาดหุ้นที่มี Leverage ต่ำนั้นเหมาะสำหรับคนที่ต้องการเติบโตระยะยาว และไม่อยากเสี่ยงมาก

 

การเริ่มต้นด้วย Leverage ในอัตราที่ต่ำและค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อมีประสบการณ์ จะช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้คุณยังสามารถเข้าถึงการเทรดสินทรัพย์ทั้ง 6 ประเภทกับโบรกเกอร์ที่มาแรงที่สุดอย่าง IUX การลงทุนในสินทรัพย์ในตลาดที่หลากหลายจะยิ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เทรดกับ IUX วันนี้ สมัครเลย

 

สรุป

 

 Leverage เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากในการช่วยให้เทรดเดอร์เพิ่มผลกำในตลาดการเงินต่างๆ เช่น Forex หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งแต่ละประเภทมีความเสี่ยงในแบบเฉพาะตัว ตัวอย่างเช่น ตลาด Forex ต้องการการบริหารความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด ตลาดหุ้นมีอัตรา Leverage ไม่สูงมากเพื่อการลงทุนที่มั่นคงกว่า และสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถทำกำไรได้สูงแต่มีความผันผวนสูงเช่นกัน