ดัชนีหุ้นชั้นนำระดับโลกที่นักเทรดควรรู้

ดัชนีหุ้นชั้นนำระดับโลกที่นักเทรดควรรู้

ระดับกลาง
Jan 13, 2025
ค้นพบความสำคัญของดัชนีหุ้นทั่วโลกอย่าง S&P 500, Nikkei 225 และ FTSE 100 เรียนรู้ว่าดัชนีเหล่านี้สะท้อนแนวโน้มตลาด ความเชื่อมั่นของนักลงทุน และสุขภาพเศรษฐกิจโลกอย่างไร เพื่อช่วยให้นักเทรดตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาด

ดัชนีหุ้นชั้นนำระดับโลกที่นักเทรดควรรู้

 

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า"ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง" หรือ "ตลาดหุ้นกำลังขึ้น" และสงสัยว่าอะไรคือตลาดหุ้น และพวกเขาวัดมันอย่างไร โดยทั่วไปแล้ว ตลาดหุ้นที่คนมักจะพูดถึงกันนั้นหมายถึง ดัชนีของตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็น S&P 500, Dow Jones Industrial Average, หรือ FTSE 100 โดยตัวเลขเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดสำคัญของการเคลื่อนไหวในตลาด บ่งบอกถึงสุขภาพของเศรษฐกิจของตลาดหุ้นนั้น หรือแสดงให้เห็นว่าภาคส่วนใดของธุรกิจในประเทศกำลังเติบโต และเงินทุนส่วนใหญ่กำลังไหลเข้าสู่ส่วนใดของตลาด

แต่สิ่งที่ต้องเข้าใจก็คือ ดัชนีหุ้นไม่ได้มีบทบาทหรือความสำคัญที่เท่าเทียมกันทั้งหมด บางดัชนีสะท้อนเศรษฐกิจของประเทศเพียงประเทศเดียว ในขณะที่บางดัชนีครอบคลุมทั้งภูมิภาคหรือทั้งอุตสาหกรรม การเข้าใจว่าดัชนีใดสำคัญที่สุดต่อการลงทุน และข้อมูลเชิงลึกที่ดัชนีเหล่านี้แสดงออกมานั้นสำคัญสำหรับนักเทรดที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดโลก

มาดูกันว่าดัชนีหุ้นที่สำคัญที่สุดในโลกคืออะไร พวกมันสะท้อนถึงอะไร และทำไมถึงส่งผลในกลยุทธ์การเทรดของคุณ

 


 

ดัชนีหุ้นคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

Top Global Stock Indices Every Trader Should Know

ที่มารูปภาพ : Bryan R. Smith/AFP via Getty Images

 

ก่อนที่จะไปเจาะลึกถึงดัชนีหุ้นที่สำคัญ เรามาทำความเข้าใจก่อนว่าดัชนีหุ้นคืออะไร

ดัชนีหุ้นคือกลุ่มของหุ้นที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อสะท้อนภาพรวมของตลาดหรืออุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง มันทำหน้าที่เหมือนภาพย่อส่วนของตลาดและภาพรวมของเศรษฐกิจในส่วนต่าง ๆ เพื่อช่วยให้นักเทรดมองเห็นภาพรวมของตลาดหุ้นและเศรษฐกิจประเทศนั้นๆ หรือภาพรวมของอุตสาหกรรมนั้น

ตัวอย่างเช่น:

  • S&P 500: สะท้อนผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 500 แห่ง
  • Nikkei 225: สะท้อนผลประกอบการจองบริษัทชั้นนำในญี่ปุ่น 225 แห่ง
  • FTSE 100: เน้นที่บริษัท 100 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน

การติดตามดัชนีเหล่านี้ช่วยให้นักเทรดได้รับข้อมูลสำคัญ เช่น:

  • แนวโน้มตลาด: ภูมิภาคหรืออุตสาหกรรมใดกำลังเติบโต
  • ความเชื่อมั่นของนักลงทุน: ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น (bullish) หรือขาลง (bearish)
  • ภาพรวมเศรษฐกิจ: สะท้อนว่าเศรษฐกิจของแต่ละประเทศกำลังอยู่ในสถานการณ์ใด

 


 

ดัชนีหุ้นสำคัญระดับโลกที่ควรรู้

 

S&P 500 (สหรัฐอเมริกา)

Top Global Stock Indices Every Trader Should Know

ตลาดหุ้น NYSE ตั้งอยู่ในย่านโลเวอร์แมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ภาพโดย Spencer Platt/Getty Images

 

ดัชนี S&P 500 มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดที่ครอบคลุมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก บริษัท 500 แห่งที่อยู่ในดัชนีนี้มีขนาดใหญ่และมีผลกระทบสูงในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี (Apple, Microsoft) สุขภาพ (Johnson & Johnson) การเงิน พลังงาน และสินค้าอุปโภคบริโภค

ความสำคัญของดัชนีนี้เกิดจากความครอบคลุมของมูลค่าตลาดถึง 80% ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด ทำให้เป็นตัวชี้วัดที่แม่นยำในการประเมินสุขภาพของเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีนี้ยังช่วยให้นักลงทุนทั่วโลกมีเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการวัดผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน และใช้ประเมินทิศทางตลาดในอนาคต นอกจากนี้ การที่ดัชนี S&P 500 ครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลายยังช่วยลดความเอนเอียงจากความผันผวนในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ทำให้ดัชนีนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการวางกลยุทธ์การลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

 

Nikkei 225 (ญี่ปุ่น)

Top Global Stock Indices Every Trader Should Know

หน้าจอข้อมูลทางการเงินในกรุงโตเกียวแสดงให้เห็นดัชนีนิกเคอิ (Nikkei) ลดลงกว่า 2,000 จุด เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2024 (ที่มารูปภาพ : kyodonews.net)

 

ดัชนี Nikkei 225 มีความสำคัญเนื่องจากสะท้อนถึงสถานะเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจอันดับสามของโลกและมีบทบาทสำคัญในเวทีการค้าและการเงินระดับนานาชาติ บริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้เป็นบริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น Toyota, Sony, และ SoftBank ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ดัชนี Nikkei 225 ยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยสำคัญต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเยน ซึ่งมีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจญี่ปุ่นในตลาดโลก และแนวโน้มเทคโนโลยีระดับโลกที่ส่งผลต่อบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีบทบาทในดัชนี

สำหรับนักลงทุนทั่วโลก ดัชนีนี้ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการประเมินความเชื่อมั่นและแนวโน้มตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในบริบทของเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการผลิตและนวัตกรรมของญี่ปุ่น ดัชนี Nikkei 225 จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามและวิเคราะห์โอกาสทางการลงทุนในระดับสากล

 

FTSE 100 (สหราชอาณาจักร)

Top Global Stock Indices Every Trader Should Know

หุ้นใหม่มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ถูกขายในตลาดลอนดอนเมื่อปีที่ผ่านมา ที่มารูปภาพ © AFP via Getty Images

 

ดัชนี FTSE 100 มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะตัวชี้วัดเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรและสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระดับโลก เนื่องจากรวมผลการดำเนินงานของบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับสากล บริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบริษัทพลังงานรายใหญ่ เช่น BP และ Shell รวมถึงสถาบันการเงินชั้นนำ เช่น HSBC และ Barclays ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ดัชนี FTSE 100 ยังได้รับอิทธิพลโดยตรงจากปัจจัยสำคัญ เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันและโลหะมีค่า ซึ่งส่งผลต่อบริษัทพลังงานและเหมืองแร่ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจในระดับโลก การเปลี่ยนแปลงของดัชนีจึงไม่เพียงสะท้อนเศรษฐกิจในประเทศ แต่ยังบ่งบอกถึงแนวโน้มในตลาดการเงินทั่วโลกอีกด้วย ดัชนีนี้จึงมีบทบาทสำคัญทั้งสำหรับนักลงทุนในสหราชอาณาจักรและต่างประเทศในการวางแผนและประเมินโอกาสการลงทุน.

Comparing U.S. vs. European Stock Indices: What Every Investor Should Know

 

DAX (เยอรมนี)

Top Global Stock Indices Every Trader Should Know

 ที่มารูปภาพ Alex Kraus/Bloomberg

 

ดัชนี DAX 40 มีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะตัวชี้วัดเศรษฐกิจของเยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเป็นหนึ่งในศูนย์กลางอุตสาหกรรมและการผลิตที่สำคัญของโลก บริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้ล้วนเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น Siemens ในกลุ่มเทคโนโลยีและวิศวกรรม Volkswagen ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และ Deutsche Bank ในภาคการเงิน

ดัชนี DAX 40 ยังสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในเยอรมนีและยุโรป รวมถึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจลงทุนในระดับโลก เนื่องจากบริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานและการค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวของดัชนี DAX 40 ยังบ่งบอกถึงสภาพเศรษฐกิจของภูมิภาคยุโรปโดยรวม และเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดการเงินในยุโรป.

 

Hang Seng Index (ฮ่องกง)

Top Global Stock Indices Every Trader Should Know

ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง วันที่ 14 พฤศจิกายน 2024 (ADAM LAM / CHINA DAILY)

 

ดัชนีฮั่งเส็งมีความสำคัญเนื่องจากเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สะท้อนถึงภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งรวมหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงที่สุดจำนวน 50 บริษัท โดยฮ่องกงถือเป็นศูนย์กลางการเงินและประตูสำคัญของการลงทุนระหว่างประเทศและเศรษฐกิจจีน ดัชนีนี้ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากนโยบายเศรษฐกิจของจีนและสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดและนักลงทุนทั่วโลก

บริษัทที่รวมอยู่ในดัชนี เช่น Alibaba, Tencent, และ HSBC ล้วนเป็นองค์กรชั้นนำที่มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี การเงิน และอสังหาริมทรัพย์ ความเคลื่อนไหวของดัชนีนี้จึงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในภูมิภาคเอเชียและในระดับนานาชาติ

นอกจากนี้ ดัชนีฮั่งเส็งยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนและนักวิเคราะห์ในการประเมินผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงของนโยบายเศรษฐกิจในจีน ความผันผวนของตลาดโลก และแนวโน้มราคาสินทรัพย์ในระดับสากล ดัชนีนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์การลงทุนในภูมิภาคเอเชียและตลาดโลกอย่างครอบคลุม

 

MSCI World Index (ดัชนีโลก)

ที่มารูปภาพ depositphotos.com

 

ดัชนี MSCI World Index มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นตัวชี้วัดที่ครอบคลุมตลาดหุ้นใน 23 ประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งรวมถึงบริษัทขนาดใหญ่จากภูมิภาคสำคัญต่างๆ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย ดัชนีนี้สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในระดับโลก ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการวัดผลและประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก

ดัชนีนี้ประกอบด้วยบริษัทชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี การเงิน สุขภาพ และพลังงาน จากประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ (Apple, Microsoft), เยอรมนี (Siemens), ญี่ปุ่น (Toyota) และอีกมากมาย ความหลากหลายนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง และให้ภาพรวมที่สมดุลของเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ MSCI World Index ยังเป็นดัชนีที่นักลงทุนทั่วโลกนิยมใช้ในการเปรียบเทียบผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนกับตลาดหุ้นโลก อีกทั้งยังช่วยในการวางกลยุทธ์การลงทุนที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค ดัชนีนี้จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการกระจายความเสี่ยงและต้องการติดตามสถานะเศรษฐกิจในระดับนานาชาติ

ดัชนีตลาดหุ้นของแต่ละประเทศมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไปตามเศรษฐกิจโลกที่ไม่หยุดนิ่ง นอกจากการจากการลงทุนในบรรดาหุ้นชั้นนำของตลาด หรือแม้แต่กองทุนต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว นักลงทุนยังสามารถทำกำไรจากดัชนีตลาดหุ้นของแต่ละประเทศได้ ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในขาขึ้นหรือขาลงด้วยการเทรด CFDs หรือ Contract for Different 

ด้วยแพลตฟอร์มอย่าง IUX แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การลงทุนในยุคปัจจุบัน ด้วยบริการเทรดและการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ เช่น ดัชนีตลาดหุ้นชั้นนำของโลก หุ้นรายตัว สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอร์เรนซี และนอกจากนักลงทุนสามารถทำกำไรได้ในทุกสภาวะตลาดแล้ว IUX ยังมีจุดเด่นที่ สเปรดต่ำ, เลเวอเรจสูง, และ ไม่มีค่าคอมมิชชั่นแฝง สมัครเทรดกับเราเลยวันนี้ คลิกเลย

 

 


 

ทำไมนักเทรดต้องติดตามดัชนีเหล่านี้อย่างใกล้ชิด?

Top Global Stock Indices Every Trader Should Know

ที่มารูปภาพ : Simon Dawson/Bloomberg

 

การติดตามดัชนีหุ้นทั่วโลกเปรียบเสมือนการเฝ้าดู "ชีพจร" ของตลาดการเงินที่สามารถบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจและทิศทางของตลาดการลงทุน การเคลื่อนไหวของดัชนีเหล่านี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงสถานการณ์ภายในประเทศ แต่ยังสามารถส่งผลกระทบแบบลูกโซ่ไปยังตลาดโลกได้อีกด้วย

  • ดัชนีอาจจะส่งสัญญาณล่วงหน้าสำหรับตลาดโลก

    • การลดลงของ S&P 500: ดัชนี S&P 500 ถือเป็นตัวแทนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หากดัชนีนี้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มักจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก และอาจบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดการเงิน
    • ตัวอย่าง: การลดลงใน S&P 500 ในช่วงปี 2020 ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงตาม
  • ผลกระทบจากนโยบายและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ

    • ดัชนี Hang Seng และเศรษฐกิจจีน: การเคลื่อนไหวของดัชนี Hang Seng ซึ่งรวมบริษัทขนาดใหญ่ในฮ่องกงและบริษัทจีนจำนวนมาก เป็นตัวบ่งชี้ถึงนโยบายเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของจีน เช่น การปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีในปี 2021 ที่ส่งผลกระทบต่อ Alibaba และ Tencent รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก
  • การวางกลยุทธ์การลงทุนในระดับภูมิภาคและอุตสาหกรรม

    • ดัชนี FTSE 100 และราคาสินค้าโภคภัณฑ์: เนื่องจากดัชนีนี้ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ นักเทรดที่ลงทุนในภาคพลังงานหรือเหมืองแร่ควรติดตามดัชนีนี้อย่างใกล้ชิด
    • ดัชนี Nikkei 225 และการส่งออกของญี่ปุ่น: ดัชนี Nikkei มักจะสะท้อนถึงความสำเร็จของบริษัทญี่ปุ่นในตลาดโลก การเปลี่ยนแปลงค่าเงินเยนหรือแนวโน้มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสามารถส่งผลกระทบต่อดัชนีนี้โดยตรง
  • การกระจายความเสี่ยงและการลงทุนข้ามพรมแดน

    • ดัชนี MSCI World: สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนในระดับสากล ดัชนี MSCI World เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดใน 23 ประเทศที่พัฒนาแล้ว การติดตามดัชนีนี้ช่วยให้นักเทรดเข้าใจทิศทางของตลาดโลกและสามารถปรับพอร์ตให้เหมาะสมกับสถานการณ์
  • การวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างดัชนีต่าง ๆ

    • ดัชนีหุ้นไม่ได้เคลื่อนไหวโดยลำพัง การเปลี่ยนแปลงในดัชนีหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อดัชนีอื่น เช่น การลดลงของดัชนี DAX ของเยอรมนีที่สะท้อนถึงความอ่อนแอในเศรษฐกิจยุโรป อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดอื่น ๆ เช่น FTSE 100

 


 

สรุป

ดัชนีหุ้นทั่วโลกไม่ได้เป็นเพียงตัวเลข แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนและนักเทรดเข้าใจภาพรวมของตลาดการเงิน วิเคราะห์แนวโน้มในระยะยาว และเตรียมกลยุทธ์รับมือกับความผันผวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การติดตามดัชนีเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้มองเห็นทิศทางของเศรษฐกิจโลก แต่ยังช่วยในการประเมินผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในภูมิภาคหรืออุตสาหกรรมเฉพาะ

สำหรับนักเทรดมืออาชีพ การใช้ข้อมูลจากดัชนีหุ้นทั่วโลกเป็นสิ่งจำเป็นในการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาดและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลกำไรในตลาดที่มีการเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน การวิเคราะห์ดัชนีช่วยให้สามารถจับสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในตลาด และวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา