ลงทุนอย่างไรในหุ้น เมื่อตลาดอยู่ในขาลง

ลงทุนอย่างไรในหุ้น เมื่อตลาดอยู่ในขาลง

ตลาดหุ้นขาลงและภาวะเศรษฐกิจถดถอยสร้างความไม่แน่นอนและความหวาดกลัวให้กับนักลงทุน ราคาหุ้นร่วงลง ข่าวการเงินเต็มไปด้วยแนวโน้มเชิงลบ และนักลงทุนจำนวนมากตื่นตระหนก อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นในหลายประเทศได้แสดงให้เราเห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าช่วงเวลาดังกล่าวมักเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว นักลงทุนที่รักษาวินัยและมีแนวทางการลงทุนที่ชัดเจนจะสามารถสร้างความมั่นคงให้กับพอร์ตของตนเองได้ในช่วงที่ตลาดกลับมาฟื้นตัว

การลงทุนในช่วงตลาดขาลงต้องอาศัยแนวคิดที่ชัดเจน ความอดทน และการให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง บทความนี้จะอธิบายกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่วงตลาดขาลงและภาวะเศรษฐกิจถดถอย

มองภาพรวมตลาดแบบระยะยาว

ภาวะตลาดขาลงเป็นเพียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแค่ชั่วคราว ขณะที่การพลิกฟื้นและการเติบโตทางเศรษฐกิจมักจะกลับมาในระยะยาว นักลงทุนที่มองไปถึงภาพรวมของธุรกิแทนที่จะสนใจความผันผวนของราคาในระยะสั้นๆ จะสามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผลกว่านักลงทุนที่ตื่นตระหนก ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ตลาดหุ้นประสบภาวะถดถอยครั้งใหญ่ จะมีการฟื้นตัวและทำจุดสูงสุดใหม่ได้อยู่เสมอ ดังนั้นนั้นแล้ว การขายหุ้นออกจากพอร์ตเพียงเพราะความตื่นตระหนกมักทำให้คุณขาดทุนโดยไม่จำเป็น ขณะที่นักลงทุนที่ยังคงถือสินทรัพย์นั้นต่อไปก็จะได้รับผลตอบแทนจากการฟื้นตัวของตลาด

แน่นอนว่าในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือขาลง สิ่งสำคัญที่นักลงทุนมือใหม่เลี่ยงไม่ได้เลยคือการตัดสินใจด้วยการใช้อารมณ์ ความผันผวนในระยะสั้นอาจทำให้การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment) ดูเหมือนเป็นความเสี่ยงมากกว่า แต่หากพิจารณาในระยะยาวแล้ว มูลค่าของธุรกิจนั้นอาจจะยังแข็งแกร่งยังคงอยู่ นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นในหลายๆประเทศเพื่อทำความเข้าใจว่าตลาดเคยฟื้นตัวจากภาวะถดถอยในอดีตอย่างไร

ลงทุนอย่างชาญฉลาด แม้ตลาดผันผวน!
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ IUX แพลตฟอร์มเทรดที่ตอบโจทย์นักลงทุน ช่วยให้คุณรับมือกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมั่นใจ ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ที่แม่นยำและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ ที่นี่เปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงสินทรัพย์คุณภาพ พร้อมกลยุทธ์บริหารความเสี่ยง และชุมชนเทรดเดอร์ที่เติบโตไปด้วยกัน สมัครเลยวันนี้ เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสและสร้างกำไรไปกับ IUX!

ลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพสูง

ถึงแม้ว่าทุกครั้งจะมีการฟื้นตัวของตลาดหุ้นหลังจากเกิดวิกฤติ แต่ก็ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะสามารถฟื้นตัวหลังจากตลาดหุ้นร่วงลงได้ บริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง กระแสเงินสดมั่นคง และรูปแบบธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นเท่านั้น ที่จะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกลับมาเติบโตได้ดีกว่าเดิม นักลงทุนควรลงทุนกับธุรกิจที่มีหนี้สินต่ำ มีเงินสดสำรองสูง และมีประวัติทำกำไรจากธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความจำเป็นพื้นฐานของผู้บริโภค เช่น การดูแลสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค และสาธารณูปโภค โดยบริษัทพวกนี้มักจะมีความมั่นคงมากกว่าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ

แน่นอนว่าบริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่งมีแนวโน้มที่จะสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจได้ดีกว่า ธุรกิจที่มีกระแสเงินสดเป็นบวกและรักษาอัตรากำไรให้คงที่มักจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าบริษัทที่มีปัญหาทางการเงินและหนี้ที่สูง และธุรกิจที่ให้บริการสินค้าหรือบริการที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต เช่น อาหาร ยารักษาโรค และไฟฟ้า มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบน้อยกว่าจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและธุรกิจเหล่านี้สามารถรักษารายได้ได้อย่างสม่ำเสมอ

นักลงทุนได้ซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลง

อย่างไรก็ตาม บริษัทที่มีความมั่นคงในหลายๆด้าน ราคาหุ้นของพวกเขามักจะมีราคาต่อหุ้นที่สูง และตลาดขาลงเปิดโอกาสให้นักลงทุนซื้อหุ้นคุณภาพดีเหล่านั้นได้ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง แน่นอนว่าในตลาดขาลง บริษัทที่มั่นคงก็อาจเผชิญกับแรงขายอย่างหนักเพราะความรู้สึกของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด มากกว่าที่ราคาจะตกจากปัญหาพื้นฐานของธุรกิจ นี่แสดงให้เห็นว่าการค้นหาหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานของกิจการโดยอ้างอิงจากตัวชี้วัดทางการเงินในอดีต จะทำให้นักลงทุนสามารถลงทุนกับบริษัทที่มีพื้นฐานมั่นคงได้อย่างแท้จริง

หลายคนพยายามรอเพื่อที่จะพยายามคาดการณ์จุดต่ำสุดของตลาด แต่อีกหนึ่งวิธีการของการใช้กลยุทธ์แบบเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging) อาจเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการลงทุนได้ วิธีการก็คือนักลงทุนแบ่งการลงทุนเป็นงวด ๆ อย่างสม่ำเสมอ วิธีการนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสะสมหุ้นในราคาที่แตกต่างกันได้ ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนในระยะสั้นได้ นอกจากนี้วิธีการนี้ยังช่วยป้องกันการซื้อขายตามอารมณ์ที่ไม่มั่นคงและช่วยให้สามารถลงทุนได้ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระจายความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยง

หลังจากที่การค้นหาบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและต่ำกว่าราคาปัจจุบันแล้ว การกระจายความเสี่ยงก็เป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลงได้ด้วย พอร์ตโฟลิโอที่สมดุลควรประกอบไปด้วยการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม หลายประเภทสินทรัพย์ และภูมิภาคต่าง ๆ อุตสาหกรรมแต่ละประเภทมีแนวโน้มที่แตกต่างกันในช่วงภาวะถดถอย การกระจายการลงทุนช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดทุนของภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง

และนอกจากหุ้นแล้ว นักลงทุนควรพิจารณาถือครองสินทรัพย์ประเภทอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ กองทุน (ETFs) หรือสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่น ทองคำ โดยการลงทุนในตราสารหนี้จะให้ความมั่นคงและกระแสเงินสดกับนักลงทุน และ ETFs จะสามารถช่วยป้องกันภาวะเงินเฟ้อได้ อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจก็คือการถือหุ้นของบริษัทข้ามชาติ หรือบริษัทในต่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาเศรษฐกิจของประเทศใดประเทศหนึ่ง และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของพอร์ตการลงทุนในช่วงเศรษฐกิจผันผวนได้ดีอีกด้วย

ให้ความสำคัญกับหุ้นที่จ่ายเงินปันผล

การซื้อหุ้นเพื่อรอให้บริษัทเติบโตก็เป็นวิธีการที่นักลงทุนหลายคนใช้  แต่การลงทุนใหหุ้นที่จ่ายเงินปันผลจะสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงให้คุณได้แม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย โดยบริษัทที่มีประวัติการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องหรือเพิ่มเงินปันผลมักเป็นธุรกิจที่มีเสถียรภาพทางการเงินสูง ธุรกิจเหล่านี้มักมีรายได้และกำไรที่มั่นคง ทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้แม้ในช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอน

และการนำเงินปันผลที่ได้รับมาลงทุนเพิ่มในช่วงตลาดขาลงช่วยให้นักลงทุนสามารถสะสมหุ้นเพิ่มได้ในราคาที่ต่ำลง ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าพอร์ตโฟลิโอเติบโตได้เร็วขึ้น การเลือกบริษัทที่มีอัตราการจ่ายปันผลที่เหมาะสมช่วยให้มั่นใจว่าการจ่ายเงินปันผลยังคงมีความยั่งยืนในระยะยาว

หลีกเลี่ยงการซื้อขายตามอารมณ์และการขายหุ้นด้วยความตื่นตระหนก

ความกลัวกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจขายหุ้นในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ทุกครั้งที่การตัดสินใจลงทุนโดยใช้อารมณ์ตามความเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้นมักนำไปสู่การขาดทุน ดังนั้นแล้วการรักษาวินัยและหลีกเลี่ยงการเข้าดูพอร์ตโฟลิโอของคุณบ่อยเกินไปสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้มากกว่า

นักลงทุนควรกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนและยึดมั่นกับกลยุทธ์การลงทุนของตนเองโดยไม่ให้ความผันผวนในระยะสั้นหรือข่าวร้ายาทงเศรษฐกิจมาส่งผลต่อการตัดสินใจในการซื้อขาย นักลงทุนต้องคำนึงเสมอว่า ภาวะตลาดขาลงเป็นเพียงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราว แต่การฟื้นตัวของตลาดและการกลับมาของธุรกิจจะเป็นสิ่งที่ยืนยาวกว่า และผู้ที่มีความอดทนมักได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว การตระหนักถึงเรื่องนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจในการลงทุนได้มากขึ้น

การมีเงินสดไว้ในพอร์ตโฟลิโอ

การถือเงินสดสำรองไว้ช่วยให้นักลงทุนได้เปรียบในการลงทุนกับหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานในช่วงตลาดขาลง แน่นอนว่าการมีสภาพคล่องช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อสินทรัพย์คุณภาพดีโดยไม่ต้องขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ในราคาต่ำเพื่อนำเงินสดมาซื้อหุ้นตัวที่ต้องการ การจัดสรรพอร์ตโฟลิโอให้มีเงินสดหรือสินทรัพย์สภาพคล่องอยู่ในนั้นประมาณ 10-20% จะช่วยให้มีโอกาสมากกว่าลงทุนในช่วงตลาดปรับตัวลง

บทสรุป

ตลาดหุ้นขาลงและภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนหลายคน แต่ในทางกลับกัน นี่คือช่วงเวลาทองที่เปิดโอกาสให้กับผู้ที่มีความอดทนและกลยุทธ์ที่ดีได้ลงทุนในหุ้นคุณภาพในราคาที่ต่ำที่สุด

แทนที่จะปล่อยให้ความกลัวครอบงำ การมองภาพรวมและเข้าใจวัฏจักรของตลาดเป็นสิ่งสำคัญ ทุกวิกฤตเศรษฐกิจในอดีตต่างพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตลาดหุ้นมีการฟื้นตัวและกลับมาเติบโตเสมอ นักลงทุนที่ไม่ตื่นตระหนกและยึดมั่นในแผนการลงทุนของตนมักจะได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

การเลือกลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีธุรกิจมั่นคง และมีกระแสเงินสดที่ดี จะช่วยเพิ่มโอกาสให้พอร์ตโฟลิโอสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง รวมถึงการใช้กลยุทธ์เฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging) เป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดในการสะสมหุ้นในราคาต่างๆ โดยไม่ต้องกังวลกับการพยายามจับจังหวะตลาดเช่นกัน

นอกจากนี้ การกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่น เช่น ตราสารหนี้ ทองคำ และกองทุน (ETFs) สามารถช่วยลดความผันผวนของพอร์ตและทำให้การลงทุนมั่นคงขึ้น และหุ้นที่จ่ายเงินปันผลยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้พอร์ตมีรายได้ต่อเนื่องแม้ในช่วงที่ตลาดซบเซา

สุดท้ายแล้ว ตลาดขาลงไม่ใช่สิ่งที่ควรกลัว แต่เป็นโอกาสสำหรับผู้ที่กล้าคิดต่างและมีวินัยในการลงทุน ผู้ที่เตรียมตัวดี มีเงินสดสำรอง และมองเห็นโอกาสในช่วงที่คนอื่นหวาดกลัว มักจะเป็นผู้ที่ได้รับผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน