กลยุทธ์การเทรด CFD ให้ได้กำไรสำหรับมือใหม่และนักเทรดมืออาชีพ

กลยุทธ์การเทรด CFD ให้ได้กำไรสำหรับมือใหม่และนักเทรดมืออาชีพ

ระดับกลาง
Mar 07, 2025
เรียนรู้วิธีเทรด CFD ให้ได้กำไรระยะยาวด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม การบริหารความเสี่ยง และการติดตามข่าวเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน

กลยุทธ์การเทรด CFD ให้ได้กำไรสำหรับมือใหม่และนักเทรดมืออาชีพ

 

CFD หรือ Contract for Difference เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเทรด เนื่องจากช่วยให้สามารถทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ดัชนี ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ หรือแม้แต่คริปโต

CFD มีจุดเด่นที่แตกต่างจากการลงทุนแบบดั้งเดิม เช่น การใช้เลเวอเรจ (Leverage) ซึ่งช่วยให้นักเทรดสามารถเปิดสถานะที่มีมูลค่าสูงกว่าทุนที่มีอยู่จริง และการทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากทุกสภาวะตลาด

แต่สิ่งที่ทำให้ CFD เป็นตลาดที่มีโอกาสมาก ก็เป็นสิ่งที่ทำให้มันเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน นักเทรดที่ไม่มีแผนการหรือกลยุทธ์ที่ชัดเจนอาจพบกับการสูญเสียที่รุนแรงได้ วันนี้เราจะมาดูกลยุทธ์สำคัญในการเทรด CFD ทั้งสำหรับมือใหม่และนักเทรดมืออาชีพ เพื่อให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงและสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน

 


 

CFD คืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยม?

CFD

 

CFD เป็นตราสารทางการเงินที่ให้นักเทรดสามารถเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ โดยไม่ต้องถือครองสินทรัพย์นั้นจริง ๆ เมื่อทำการซื้อขาย CFD คุณจะทำสัญญากับโบรกเกอร์ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์อ้างอิง และรับผลต่างของราคาตอนเปิดและปิดสถานะ

ข้อดีของ CFD:

  • สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง – สามารถเปิดสถานะ Long (ซื้อ) หรือ Short (ขาย) ได้
  • ใช้เลเวอเรจช่วยเพิ่มอำนาจการลงทุน – สามารถเปิดสถานะที่มีขนาดใหญ่กว่าทุนที่มีจริง
  • เข้าถึงตลาดการเงินทั่วโลก – สามารถเทรดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ฟอเร็กซ์ และคริปโตในแพลตฟอร์มเดียว
  • ต้นทุนต่ำกว่าการลงทุนแบบดั้งเดิม – ไม่มีค่าธรรมเนียมในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริง

อย่างไรก็ตาม CFD ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงสูง เนื่องจากการใช้เลเวอเรจอาจทำให้ขาดทุนเกินกว่าทุนที่มีอยู่ และค่าธรรมเนียมถือสถานะข้ามคืนอาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรหากถือสถานะนานเกินไป

บนแพลตฟอร์มอย่าง IUX คุณสามารถเทรด CFD ได้ใน 6 ประเภทสินทรัพย์หลัก ไม่ว่าจะเป็น

  • ฟอเร็กซ์ (Forex) – คู่สกุลเงินยอดนิยม เช่น EUR/USD, USD/JPY

  • หุ้น (Stocks) – หุ้นจากตลาดใหญ่ทั่วโลก เช่น Apple, Tesla, Amazon

  • ดัชนี (Indices) – เช่น S&P 500, NASDAQ, DAX

  • คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) – เทรดเหรียญยอดนิยมอย่าง Bitcoin, Ethereum

  • สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) – เช่น ทองคำ น้ำมัน กาแฟ

  • ETF – ลงทุนในกองทุนรวมดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ด้วยเครื่องมือครบครัน สเปรดต่ำ ไม่มีค่าคอมมิชชัน และระบบที่รองรับทั้งมือถือและเดสก์ท็อป IUX มอบประสบการณ์การเทรดที่ราบรื่นและปลอดภัยสำหรับทุกระดับ สมัครเทรดกับ IUX ได้แล้ววันนี้และสร้างพอร์ตการลงทุนของคุณไปกับเรา

 


 

กลยุทธ์การเทรด CFD สำหรับมือใหม่

CFD

เทรดตามแนวโน้ม (Trend Following Strategy)

แนวโน้มเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเทรด CFD นักเทรดมือใหม่ควรเน้นเทรดตามแนวโน้มของตลาด แทนที่จะพยายามจับจังหวะกลับตัวของราคา ซึ่งอาจมีความเสี่ยงสูง

หลักการ:

  • ใช้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เช่น EMA 50 และ EMA 200 เพื่อดูแนวโน้ม
  • หาก EMA 50 อยู่เหนือ EMA 200 แสดงแนวโน้มขาขึ้น → เปิดสถานะ Long
  • หาก EMA 50 อยู่ต่ำกว่า EMA 200 แสดงแนวโน้มขาลง → เปิดสถานะ Short

การเทรดแบบ Breakout (Breakout Strategy)

การเทรดแบบ Breakout เป็นการเข้าซื้อหรือขายเมื่อราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ เพื่อจับจังหวะที่ราคาจะเคลื่อนไหวรุนแรง

หลักการ:

  • ระบุแนวรับและแนวต้านจากกราฟราคา
  • เมื่อราคาทะลุแนวต้านพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น → เปิดสถานะ Long
  • เมื่อราคาทะลุแนวรับและมีแรงขายเพิ่มขึ้น → เปิดสถานะ Short

Breakout เป็นกลยุทธ์ที่มีโอกาสสร้างกำไรได้สูง แต่ต้องตั้ง Stop Loss เสมอ เพราะบางครั้งราคาจะ "หลอก" ให้เทรดเดอร์เข้าผิดทางก่อนจะกลับตัว

 


 

กลยุทธ์การเทรด CFD สำหรับนักเทรดมืออาชีพ

CFD timeframe

 

การเทรดระยะสั้นแบบ Scalping (Scalping Strategy)

Scalping เป็นการเทรดที่เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาสั้น ๆ ภายในไม่กี่นาที ซึ่งต้องอาศัยความเร็วและความแม่นยำสูง

หลักการ:

  • ใช้กราฟ 1 นาที หรือ 5 นาที
  • ใช้ Bollinger Bands และ Stochastic Oscillator เพื่อตรวจจับจุดเข้าซื้อและขาย
  • ตั้ง Stop Loss ที่แน่นอนและไม่ถือสถานะนานเกินไป

Scalping เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงในตลาดที่มีความผันผวน แต่ต้องใช้ความรวดเร็วและมีวินัยสูง

การป้องกันความเสี่ยงด้วย Hedging (Hedging Strategy)

Hedging เป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพื่อลดความเสี่ยง โดยการเปิดสถานะที่ตรงข้ามกันในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

หลักการ:

  • หากถือ Long Position ในหุ้น สามารถเปิด Short Position ในดัชนีหุ้นที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความเสี่ยง
  • ใช้ทองคำเป็น Hedge เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า

Hedging ช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีความสมดุลขึ้น แต่ต้องมีการบริหารต้นทุนที่ดี เพราะการถือสถานะตรงข้ามอาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น

 


 

บทเรียนจากตลาดการเงิน: การพิมพ์เงินของธนาคารกลางและผลกระทบต่อ CFD

หนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ CFD อย่างมากคือ นโยบายการเงินของธนาคารกลาง โดยเฉพาะการพิมพ์เงินเพิ่มเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

  • ก่อนปี 1971 ระบบการเงินโลกอยู่ภายใต้ มาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ซึ่งหมายความว่าเงินที่พิมพ์ออกมาต้องมีทองคำสำรองรองรับ
  • แต่เมื่อสหรัฐฯ ยกเลิกมาตรฐานทองคำ ธนาคารกลางสามารถพิมพ์เงินได้โดยไม่มีข้อจำกัด ทำให้ ค่าเงินลดลงและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น

ผลกระทบต่อ CFD:

  • เมื่อธนาคารกลางพิมพ์เงินเพิ่ม มูลค่าของเงินกระดาษมักลดลง → ราคาสินทรัพย์ เช่น หุ้นและทองคำ มักปรับตัวสูงขึ้น
  • อัตราดอกเบี้ยต่ำช่วยให้ CFD หุ้นและดัชนีมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
  • ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง ซึ่งเป็นโอกาสของนักเทรด CFD

 


 

สรุป: เทรด CFD อย่างไรให้ได้กำไรในระยะยาว?

  • เข้าใจพื้นฐานของ CFD และบริหารความเสี่ยงให้ดี
  • เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ
  • ติดตามข่าวสารทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
  • ใช้เครื่องมือทางเทคนิค เช่น Trend Following, Breakout, Scalping และ Hedging อย่างเหมาะสม
  • เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและปรับปรุงแผนการเทรดเสมอ

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ การมีวินัยและความเข้าใจตลาดคือกุญแจสู่ความสำเร็จในการเทรด CFD

 

 

 

 

หมายเหตุ: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลสำหรับการศึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

Table of Contents